ขั้นตอนการสร้างบ้าน ตั้งแต่เริ่มต้นจนพร้อมเข้าอยู่
S.J.Building สรุปให้
- ขั้นตอนการสร้างบ้าน มี 7 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ การเตรียมพื้นที่ วางผังอาคาร งานโครงสร้าง งานสถาปัตยกรรม งานระบบ งานตกแต่ง และการส่งมอบ
- การสร้างบ้านหนึ่งหลังใช้ระยะเวลาประมาณ 12-17 เดือน ตั้งแต่การเตรียมความพร้อมจนพร้อมเข้าอยู่
- โครงสร้างบ้านแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ โครงสร้างใต้ดิน (เสาเข็ม ฐานราก ตอม่อ คานคอดิน) และโครงสร้างบนดิน (เสา คาน พื้น ผนัง โครงหลังคา)
- งานโครงสร้างต้องผ่านมาตรฐาน ม.อ.ก. มีการตรวจสอบคุณภาพทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการก่อสร้าง
-
งานระบบสาธารณูปโภคต้องติดตั้งก่อนงานผนัง เพื่อให้การเดินสายไฟฟ้าและประปาเป็นไปอย่างถูกต้อง
ขั้นตอนการสร้างบ้าน ต้องมีการวางแผนและดำเนินการอย่างเป็นระบบ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่กระทบต่อโครงสร้างและความแข็งแรงของบ้านในระยะยาว บทความนี้ S.J.Building จะอธิบายกระบวนการสร้างบ้านทั้งหมด ตั้งแต่การวางแผนออกแบบ การขออนุญาต การเลือกผู้รับเหมากับวัสดุ จนถึงการก่อสร้างและตรวจรับงานค่ะ
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- S.J.Building สรุปให้
- การเตรียมความพร้อมก่อนเริ่ม ขั้นตอนการสร้างบ้าน
- ขั้นตอนการสร้างบ้าน 1. ลำดับงานโครงสร้างหลักของตัวบ้าน
- ขั้นตอนการสร้างบ้าน 2. งานสถาปัตยกรรมและส่วนประกอบอาคาร
- ขั้นตอนการสร้างบ้าน 3. ติดตั้งระบบสาธารณูปโภคภายในบ้าน
- ขั้นตอนการสร้างบ้าน 4. การตกแต่งและเก็บรายละเอียด
- ขั้นตอนการสร้างบ้าน 5. การตรวจสอบและส่งมอบบ้านก่อนเข้าอยู่
การเตรียมความพร้อมก่อนเริ่ม ขั้นตอนการสร้างบ้าน
ขั้นตอนการสร้างบ้าน ให้ตอบโจทย์การใช้งานกับความชอบส่วนตัว ต้องอาศัยการวางแผนอย่างเป็นระบบ การศึกษาข้อมูลจากหลายแหล่ง และการปรึกษาผู้มีประสบการณ์ เช่น ทีมงานของ S.J.Building ที่พร้อมให้คำแนะนำ เพื่อให้การสร้างบ้านได้ตรงใจและสามารถดูแลค่าใช้จ่ายตามแผนที่วางไว้ การเตรียมตัวก่อนก่อสร้างบ้านมี 4 อย่าง ดังนี้
การเลือกที่ดินและตรวจสอบข้อกำหนดทางกฎหมาย การสร้างบ้าน
ขั้นตอนการสร้างบ้านบนที่ดินของตัวเอง คืองานที่ต้องใช้เวลาและมีความซับซ้อนอยู่บ้าง แต่สามารถจัดการได้ผ่านการวางแผนที่รัดกุมกับการขอคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ ปัจจัยที่ต้องพิจารณาการเลือกที่ดินที่เหมาะสม ได้แก่
- ตำแหน่งที่ตั้งของที่ดิน ต้องอยู่ในพื้นที่ที่สามารถก่อสร้างที่อยู่อาศัยได้ มีไฟฟ้า น้ำประปาผ่าน เพื่อพร้อมในการอยู่อาศัย
- ระดับพื้นที่ดิน ต้องพิจารณาว่าที่ดินต้องถมหรือไม่ ถ้าพื้นที่ค่อนข้างต่ำ เสี่ยงกับน้ำท่วม ควรถมดินให้สูงกว่าถนนคอนกรีตประมาณ 50 เซนติเมตร
-
ตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ควรตรวจสอบว่าที่ดินต้องไม่อยู่ในเขตอุทยาน ป่าสงวน หรือพื้นที่คุ้มครองที่ไม่สามารถครอบครองได้
การตรวจสอบข้อกำหนดทางกฎหมาย คือเรื่องที่ต้องดำเนินการก่อนเริ่มขั้นตอนการสร้างบ้าน เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต โดยมีกฎหมายหลักที่เกี่ยวข้องดังนี้
- พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร การสร้างบ้านหรือการสร้างที่อยู่อาศัยบนที่ดินของตัวเอง ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2544 ข้อกำหนดหลัก ๆ อยู่ 6 มาตรา
- กฎหมายระยะร่น สำหรับการสร้างทาวน์เฮาส์ต้องมีที่ว่างด้านหลัง 2 เมตร ด้านหน้า 3 เมตร และการสร้างบ้านพักอาศัยต้องให้ความสำคัญกับระยะร่นกับที่เว้นว่างตามที่กฎหมายกำหนด
-
ข้อกำหนดเรื่องความสูงของอาคาร ความสูงของอาคารทุกด้านต้องไม่เกิน 2 เท่าของระยะราบ ที่วัดจากจุดนั้นไปตั้งฉากกับแนวถนนด้านตรงข้ามของถนนสาธารณะที่อยู่ใกล้อาคารที่สุด
การวางแผนงบประมาณและเลือกแบบ ขั้นตอนการสร้างบ้าน
- ประเมินงบที่มีทั้งหมด รวมค่าก่อสร้าง ค่าวัสดุ ค่าแรงงาน และค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด ควรเตรียมเงินสำรองประมาณ 10-15% ของงบรวม และวางแผนการจ่ายเงินตามความคืบหน้าของงาน
- เลือกแบบบ้าน ให้เหมาะกับงบประมาณ ความต้องการใช้สอย และขนาดที่ดิน
- ปรึกษาสถาปนิก เพื่อปรับปรุงแบบให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมและไลฟ์สไตล์
- จัดทำแบบก่อสร้าง เมื่อทำการปรึกษาสถาปนิกหรือนักออกแบบเพื่อสร้างแบบแปลนโดยละเอียดสำหรับบ้าน จะมี 4 แบบหลัก ๆ คือ แบบสถาปัตยกรรม แบบวิศวกรรมโครงสร้าง แบบวิศวกรรมไฟฟ้า และแบบสุขาภิบาล
-
การเลือกวัสดุก่อสร้าง พิจารณาเลือกวัสดุที่มีคุณภาพที่เหมาะกับการใช้งานและงบที่มี
การออกแบบบ้านและจัดทำแบบแปลน การสร้างบ้าน
การออกแบบบ้าน คือขั้นตอนการสร้างบ้านที่จะกำหนดรูปแบบและประโยชน์ใช้สอยของบ้านในอนาคตค่ะ ควรร่วมมือกับสถาปนิกกับนักออกแบบ เพื่อสร้างบ้านที่เหมาะกับความต้องการและการอยู่อาศัย เช่น จำนวนห้องนอน ห้องน้ำ หรือพื้นที่อย่างห้องทำงาน หัวข้อในการออกแบบบ้านมีดังนี้
- ออกแบบพื้นที่ให้ตอบโจทย์การใช้งานจริงและไลฟ์สไตล์ของผู้อาศัย
- การวางแผนค่าใช้จ่ายในการสร้างบ้าน คือสิ่งที่จำเป็นมาก เพราะนอกจากจะได้รู้จำนวนเงินทั้งหมดที่คาดว่าจะต้องใช้แล้ว ยังเป็นแนวทางในการวางแผนทางการเงินได้ดี
- เมื่อทำการปรึกษาสถาปนิกหรือนักออกแบบ เพื่อสร้างแบบแปลนโดยละเอียดสำหรับบ้าน จะมี 4 อย่างหลัก ๆ คือ แบบสถาปัตยกรรม แบบวิศวกรรมโครงสร้าง แบบวิศวกรรมไฟฟ้า และแบบสุขาภิบาล
- การปฏิบัติตามกฎหมาย ระยะร่น อัตราส่วนพื้นที่ก่อสร้าง
-
พิจารณาเลือกวัสดุที่มีคุณภาพเหมาะสมกับการใช้งานและงบที่มี
ข้อควรรู้เพิ่มเติมสำหรับ ขั้นตอนการสร้างบ้าน ชั้นเดียว
บ้านชั้นเดียวมีข้อดีหลายอย่าง เช่น ใช้เงินน้อยกว่า เหมาะกับผู้สูงอายุที่ไม่ต้องการขึ้นลงบันได และดูแลรักษาง่าย สิ่งที่ควรรู้เพิ่มเติมสำหรับการสร้างบ้านชั้นเดียวมีดังนี้
- การวางผังอาคาร ต้องให้ความสำคัญกับตำแหน่งลงเสาเข็ม และระยะร่นตามเทศบัญญัติ ถ้าที่ดินมีต้นไม้ใหญ่และต้องการเก็บไว้ ก็ต้องปรับตำแหน่งเพื่อหลีกเลี่ยงแนวต้นไม้ด้วย
- ระบบระบายอากาศ ในการสร้างห้องภายในบ้านไม่ว่าห้องจะมีการปิดที่มืดทึบแค่ไหน ก็จำเป็นต้องมีช่องเปิดถ่ายเทอากาศภายนอกอาคารได้ เช่น ประตู หน้าต่าง หรือบานเกล็ด ที่รวมกันแล้วไม่น้อยกว่า 10% ของพื้นที่นั้น ๆ
-
ขนาดห้องนอน ตามหลักกฎหมาย ห้องนอนในอาคารให้มีความกว้างด้านแคบที่สุด ไม่น้อยกว่า 2.50 เมตร และมีพื้นที่ไม่น้อยกว่า 8 ตารางเมตร เพื่อให้เป็นขนาดห้องนอนที่กว้างขวาง โปร่งสบาย
การขออนุญาตก่อสร้างและเอกสารที่ต้องใช้ ขั้นตอนการสร้างบ้าน
ขั้นตอนการสร้างบ้านจะต้องมีการขออนุญาตก่อสร้างก่อนค่ะ เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิจารณาว่าโครงสร้างของบ้านมีความปลอดภัยในการก่อสร้างและเหมาะสมต่อการอยู่อาศัยหรือไม่ โดยมีเอกสารที่ต้องใช้ ได้แก่
- ใบคำร้องขออนุญาตก่อสร้างอาคาร (ข.๑)
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาบัตรประชาชน
- หนังสือรับรองการเป็นเจ้าของที่ดิน (โฉนดที่ดิน)
- กรณีที่ไม่ได้ไปยื่นขออนุญาตก่อสร้างด้วยตัวเอง จะต้องมีหนังสือแสดงการมอบอำนาจให้กับผู้ที่เป็นตัวแทนในการยื่นขออนุญาตก่อสร้าง
-
แบบแปลนแผนผังบ้าน หนังสือรับรองจากวิศวกรหรือสถาปนิก
เมื่อทำการปรับพื้นที่ที่ก่อสร้างแล้ว ขั้นตอนที่เราจะต้องทำคือ การขออนุญาตก่อสร้าง โดยการขออนุญาตก่อสร้างนี้อยู่ภายใต้ข้อพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ถ้าไม่ขออนุญาตก่อสร้าง มีโทษจำคุกหรือปรับตามกฎหมายค่ะ
ข้อควรระวัง เกี่ยวกับการขออนุญาตก่อสร้างบ้าน เพื่อให้การดำเนินการสะดวกขึ้น ควรเตรียมเอกสารให้พร้อม เผื่อเวลาสำหรับแต่ละขั้นตอน และเตรียมค่าธรรมเนียมไว้ล่วงหน้า ส่วนการยื่นคำร้องนั้น สามารถดำเนินการผ่านเว็บไซต์ของหน่วยงานท้องถิ่นได้ค่ะ
การคัดเลือกผู้รับเหมาและทำสัญญาว่าจ้าง ขั้นตอนการสร้างบ้าน
1. การคัดเลือกผู้รับเหมา
การเลือกผู้รับเหมา คือหนึ่งในขั้นตอนการสร้างบ้านที่ต้องอาศัยการเช็คข้อมูลให้รอบด้าน เพื่อให้ได้ผู้ให้บริการที่ไว้วางใจได้ ควรเริ่มต้นจากการตรวจสอบภูมิหลังของผู้รับเหมา และพิจารณาเงื่อนไขต่าง ๆ ประกอบกัน ได้แก่
- ตรวจสอบผลงานเก่า สอบถามจากลูกค้าเดิม หรืออ่านความเห็นออนไลน์
- ความน่าเชื่อถือ ยืนยันความถูกต้องของใบอนุญาตประกอบการ
- ความถนัดเฉพาะทาง เช่น งานโครงสร้าง ระบบไฟฟ้า หรือประปา
-
เปรียบเทียบราคา ขอบเขตบริการ และรายละเอียดการรับประกันจากผู้รับเหมาหลายเจ้า
2. การทำสัญญาว่าจ้าง
การทำสัญญาว่าจ้างก่อสร้างบ้านที่รัดกุม ควรระบุข้อตกลงที่จำเป็นเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต โดยมีสาระหลักดังนี้
- ระบุรายละเอียดของงานก่อสร้างและรายการวัสดุทั้งหมดที่ตกลงกัน
- กำหนดกรอบเวลาเริ่มต้นและวันส่งมอบโครงการที่แน่นอน
- วางลำดับการจ่ายเงินที่สอดคล้องกับความคืบหน้าของงานในแต่ละงวด
-
ระบุเงื่อนไขและระยะเวลาการรับประกันผลงานหลังการก่อสร้าง
เอกสารทั้งหมดต้องจัดทำเป็นลายลักษณ์อักษรและมีพยานร่วมลงนาม เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย
3. การควบคุมงานก่อสร้าง
การควบคุมงานก่อสร้างบ้าน คือการลดปัญหาในระยะยาว มีแนวทางปฏิบัติที่เจ้าของบ้านสามารถทำได้มีดังนี้
- ตรวจความคืบหน้าของงาน ตามช่วงเวลาที่กำหนด เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน
-
บันทึกข้อมูลตำแหน่งของงานระบบต่าง ๆ เช่น ท่อไฟฟ้า ประปา และสุขาภิบาล สำหรับใช้อ้างอิงในการซ่อมแซมภายหน้า
การที่เจ้าของบ้านใส่ใจในรายละเอียดเหล่านี้ จะช่วยให้การสร้างบ้านสำเร็จตามที่คาดหวังและลดโอกาสเกิดข้อบกพร่อง
ขั้นตอนการสร้างบ้าน 1. ลำดับงานโครงสร้างหลักของตัวบ้าน
ขั้นตอนการสร้างบ้านในส่วนของงานโครงสร้างหลัก คือแกนกลางที่กำหนดความมั่นคงแข็งแรงของตัวอาคารทั้งหมด การก่อสร้างจะดำเนินไปตามลำดับจากฐานรากขึ้นไปสู่หลังคา โดยมีลำดับงานพื้นฐาน ดังนี้
การเตรียมพื้นที่และวางผังอาคาร
เริ่มขั้นตอนการสร้างบ้าน ด้วยการจัดการพื้นที่ให้พร้อมก่อนลงมือสร้างโครงสร้าง สิ่งที่ต้องทำให้เสร็จก่อนสร้างบ้าน ได้แก่
- การปรับสภาพพื้นที่ โดยการถางและปรับระดับหน้าดินให้เรียบเสมอกัน
- ตรวจสอบคุณสมบัติของดิน เพื่อใช้ในการออกแบบฐานราก
-
กำหนดตำแหน่งและวางหมุดอ้างอิงแนวอาคารตามที่ระบุในแบบก่อสร้าง
งานเสาเข็มและฐานราก
งานเสาเข็มและฐานราก คือการวางโครงสร้างใต้ดินส่วนแรกสุดเพื่อรับน้ำหนักของตัวบ้านทั้งหมด ประกอบด้วยขั้นตอนการทำงานหลัก ๆ ดังนี้
- การตอกเสาเข็ม ชนิดของวัสดุขึ้นอยู่กับสภาพดินและน้ำหนักบ้าน เช่น เสาเข็มหกเหลี่ยมกลวง สำหรับบ้าน 1-2 ชั้น เสาเข็มตัวไอ สำหรับบ้านขนาดใหญ่ หรือเสาเข็มเจาะ สำหรับพื้นที่จำกัดและดินแข็ง
- การหล่อฐานราก ทำหน้าที่เชื่อมโยงเสาเข็มแต่ละต้นเข้าด้วยกันเพื่อกระจายน้ำหนัก
-
การติดตั้งเหล็กเสริม เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้างทั้งหมดตามแบบทางวิศวกรรม
งานโครงสร้างเสา คาน และพื้น
ขั้นตอนการสร้างบ้านนี้เป็นการสร้างแกนหลักของตัวบ้าน มีกระบวนการทำงานเรียงตามลำดับ ได้แก่
- ก่อสร้างเสาและคานด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กตามมาตรฐานวิศวกรรม จากนั้นบ่มคอนกรีตเป็นเวลา 14-28 วันเพื่อให้ได้ความแข็งแรงตามกำหนดก่อนถอดแบบ
- เทพื้นคอนกรีตสำหรับชั้นต่าง ๆ พร้อมตรวจสอบความเรียบและความแข็งแรงของงานให้ถูกต้อง
-
ก่อสร้างบันได มีทั้งรูปแบบคอนกรีตเสริมเหล็กและการติดตั้งโครงสร้างเหล็กตามแบบที่กำหนด
งานพื้นชั้นบนและโครงหลังคา (กรณีบ้านหลายชั้น)
ขั้นตอนการสร้างบ้านสำหรับอาคารหลายชั้นจะมีส่วนงานโครงสร้างเพิ่มขึ้นมา เริ่มจากการหล่อพื้นชั้นสองพร้อมวางระบบท่อที่จำเป็น ต่อด้วยการตั้งเสาและเทคานเพื่อรับน้ำหนักชั้นบน
โครงสร้างหลังคา การเลือกใช้วัสดุมีผลต่อความแข็งแรงและอายุการใช้งานของบ้าน วัสดุหลักที่ใช้กันมีคุณสมบัติกับข้อควรพิจารณาที่แตกต่างกัน ดังนี้
ประเภทโครงสร้าง | คุณสมบัติเด่น | ข้อควรพิจารณา |
---|---|---|
คอนกรีตเสริมเหล็ก |
|
|
โครงเหล็ก |
|
|
โครงไม้ |
|
|
ขั้นตอนการสร้างบ้าน 2. งานสถาปัตยกรรมและส่วนประกอบอาคาร
เมื่องานโครงสร้างหลักเสร็จสิ้น จะเข้าสู่ขั้นตอนของงานสถาปัตยกรรมที่ทำให้บ้านมีรูปร่างกับฟังก์ชันการใช้งานที่สมบูรณ์ ขั้นตอนการสร้างบ้านนี้ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง เพื่อให้ได้ผลงานที่สวยงามและใช้งานได้จริง
งานมุงหลังคาและฝ้าเพดาน
หลังคาบ้าน มีหน้าที่หลักในการปกป้องตัวอาคารจากสภาพอากาศข้างนอก โดยวัสดุมุงหลังคาแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ดังนี้
วัสดุมุงหลังคา | ราคา | ความทนทาน | การบำรุงรักษา |
---|---|---|---|
กระเบื้องเซรามิก | ปานกลาง | ดีมาก | น้อย |
เมทัลชีท | ถูก | ดี | ปานกลาง |
แผ่นคอนกรีต | สูง | ดีมาก | น้อย |
หญ้าคาหรือใบไผ่ | ถูก | พอใช้ | มาก |
ขั้นตอนการติดตั้งโครงสร้างหลังคาบ้าน
- การติดตั้งโครงสร้างหลังคา ตามแบบที่ออกแบบไว้
- การมุงหลังคา เลือกวัสดุที่เหมาะกับสภาพอากาศ
- การติดตั้งรางน้ำฝน เพื่อระบายน้ำจากหลังคาออกจากตัวบ้าน
- ปิดพื้นผิวใต้หลังคาด้วยงานฝ้าเพดาน เพื่อความเรียบร้อย
-
ติดตั้งช่องระบายอากาศ ช่วยลดการสะสมความร้อนใต้หลังคา
งานก่อผนังและผนังกั้น
- งานก่อผนัง คือการสร้างส่วนปิดล้อมเพื่อแบ่งพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน ซึ่งวัสดุสำหรับงานผนังมีหลายชนิด แต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ได้แก่ ผนังก่ออิฐมอญ (แข็งแรง ทนทาน) ผนังคอนกรีตบล็อก (กันเสียงได้ดี) ผนังเบา AAC (น้ำหนักเบา ประหยัดพลังงาน) และผนังแผ่นฝา (ติดตั้งเร็ว เหมาะกับบ้านโมเดิร์น)
- การติดตั้งเหล็กเสริมในผนัง ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับโครงสร้าง โดยเฉพาะส่วนที่ต้องรับน้ำหนักหรือผนังที่มีช่องเปิดขนาดใหญ่ เพื่อป้องกันปัญหาการแตกร้าวในระยะยาว หลังจากโครงสร้างแข็งแรงแล้ว ขั้นตอนการฉาบผนังจะทำ 2-3 ครั้งตามลำดับ เริ่มจากการฉาบหยาบ ตามด้วยการฉาบละเอียด และจบงานด้วยการฉาบเรียบผิวเพื่อให้ผนังมีความเรียบเนียนพร้อมใช้งาน
-
งานฝ้าเพดาน มีหน้าที่ปิดซ่อนโครงสร้างและระบบท่อต่าง ๆ ด้านบน ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับภายในบ้าน วัสดุฝ้าเพดานที่นิยมใช้ ได้แก่ แผ่นยิปซัม ไฟเบอร์ซีเมนต์ หรือแผ่นอลูมิเนียม แต่ละชนิดมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันค่ะ
งานปูนฉาบและกันซึม
- งานปูนฉาบ เริ่มต้นด้วยการฉาบผนังเพื่อปิดผิวให้เรียบเนียนกับเตรียมพื้นผิวสำหรับงานทาสี การทำงานนี้ยังช่วยเสริมความแข็งแรงและป้องกันความชื้นเบื้องต้น ทำให้ผนังดูเรียบร้อยสมบูรณ์
-
ระบบกันซึม จะถูกนำไปใช้ในบริเวณที่ต้องสัมผัสน้ำหรือความชื้นโดยตรง ครอบคลุมพื้นที่ใต้ดิน ห้องน้ำ ห้องครัว ดาดฟ้า และระเบียง เพื่อสร้างเกราะป้องกันความเสียหายระยะยาวได้ค่ะ
งานติดตั้งวงกบประตูและหน้าต่าง
การติดตั้งประตู หน้าต่าง และช่องเปิดต่าง ๆ คือขั้นตอนการสร้างบ้านที่ช่วยเติมเต็มโครงสร้างสมบูรณ์พร้อมใช้งานกับมีการระบายอากาศได้สะดวก โดยเริ่มจากการเลือกวงกบที่แข็งแรงและป้องกันน้ำซึม โดยมีวัสดุหลายชนิดให้เลือกตามลักษณะการใช้งาน ได้แก่
- วงกบไม้ธรรมชาติ ให้ความรู้สึกอบอุ่น แต่ต้องดูแลรักษา
- วงกบไม้เอ็นจิเนียร์ ถูกพัฒนาให้ทนทานและลดการแตกร้าว
- วงกบอลูมิเนียม ทนทานสูง ดูแลง่าย แต่สามารถนำความร้อน
-
วงกบ UPVC ทำหน้าที่เป็นฉนวนป้องกันความร้อนและเสียง
การเลือกบานประตูต้องให้เข้ากับพื้นที่ใช้งาน เช่น ประตูหน้าบ้านเน้นความมั่นคง ส่วนประตูห้องน้ำต้องทนต่อความชื้น สำหรับหน้าต่างจะเน้นการรับแสงและช่วยให้อากาศถ่ายเท งานติดตั้งส่วนนี้ควรทำหลังจากฉาบปูนเรียบร้อยแล้ว จากนั้นคือการใส่กระจกกับมุ้งลวดเพื่อป้องกันแมลงกับฝุ่นละออง ต้องตรวจการเปิดปิดให้ใช้งานได้สะดวก ไม่ติดขัด และป้องกันปัญหาน้ำรั่วซึม
งานบันได ต้องติดตั้งให้มีความแข็งแรงและปลอดภัย การออกแบบต้องคำนึงถึงสัดส่วนของขั้นบันได ความกว้าง และการติดตั้งราวจับที่เหมาะสม บันไดคอนกรีตจะแข็งแรงและทนทาน แต่ก็ต้องมีการปิดผิวด้วยวัสดุอื่น เช่น หิน หรือกระเบื้อง
ขั้นตอนการสร้างบ้าน 3. ติดตั้งระบบสาธารณูปโภคภายในบ้าน
การติดตั้งระบบสาธารณูปโภค คือขั้นตอนการสร้างบ้านที่สำคัญ เพราะจะกำหนดความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการใช้ชีวิตภายในบ้าน ระบบเหล่านี้รวมถึงระบบไฟฟ้า ระบบประปา ระบบสุขาภิบาล และระบบสื่อสาร จะต้องวางแผนกับดำเนินการอย่างเป็นระบบ ได้แก่
ระบบไฟฟ้าและแสงสว่าง
- การติดตั้งระบบไฟฟ้า ต้องเริ่มต้นด้วยการวางแผนการใช้งานในแต่ละห้อง เพื่อกำหนดตำแหน่งของเต้ารับ สวิตช์ และจุดติดตั้งโคมไฟ การแบ่งวงจรไฟฟ้าต้องทำอย่างเหมาะสม โดยแยกวงจรสำหรับแสงสว่าง วงจรสำหรับเต้ารับทั่วไป และวงจรสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้กระแสสูง เช่น เครื่องปรับอากาศ
- การเลือกขนาดสายไฟ ต้องเหมาะสมกับปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ใช้ในแต่ละวงจร สายไฟที่เล็กเกินไปอาจทำให้เกิดความร้อนและอันตราย ส่วนสายไฟที่ใหญ่เกินไปจะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น การเดินสายไฟต้องใช้ท่อ PVC เพื่อป้องกันและอำนวยความสะดวกในการซ่อมบำรุง
-
การติดตั้งระบบสายดิน (Grounding System) คือสิ่งจำเป็นเพื่อความปลอดภัย ระบบนี้จะช่วยปกป้องผู้อยู่อาศัยจากไฟฟ้าลัดวงจรและไฟรั่ว การติดตั้งเบรกเกอร์กับRCBO (Residual Current Circuit Breaker with Overcurrent Protection) จะเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ไฟฟ้า
ระบบประปาและสุขาภิบาล
- ระบบประปาภายในบ้าน ประกอบด้วยระบบจ่ายน้ำสะอาดและระบบระบายน้ำเสีย การวางระบบท่อประปาต้องวางแผนให้มีแรงดันน้ำเพียงพอในทุกจุดใช้งาน โดยเฉพาะในชั้นบนของบ้านสองชั้น
- ท่อประปา ที่ใช้ทั่วไปคือท่อ PPR (Polypropylene Random) ที่มีคุณสมบัติทนความร้อน ไม่เป็นสนิม และมีอายุการใช้งานยาวนาน การเชื่อมต่อท่อต้องใช้เครื่องมือพิเศษกับความความชำนาญของช่าง เพื่อให้การเชื่อมต่อแน่นหนาและไม่รั่วซึม
- ระบบระบายน้ำเสีย ต้องออกแบบให้มีความลาดชันที่เหมาะสม เพื่อให้น้ำเสียไหลได้สะดวกและไม่เกิดการอุดตัน ท่อระบายน้ำเสียควรใช้ท่อ PVC ขนาดใหญ่กับการติดตั้งแมนโฮลตรวจสอบในจุดที่สำคัญ
-
การติดตั้งถังบำบัดน้ำเสีย คือข้อบังคับของกฎหมายสำหรับบ้านที่ไม่มีระบบท่อระบายน้ำเสียส่วนกลาง ถังบำบัดต้องมีขนาดเหมาะสมกับจำนวนผู้อยู่อาศัยและติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสม
ระบบแก๊สหุงต้ม (ถ้ามี)
การติดตั้งระบบแก๊สหุงต้ม ควรเริ่มต้นด้วยการใช้ท่อทองแดงหรือสแตนเลสที่ได้มาตรฐาน แล้วจัดวางถังแก๊สในบริเวณที่โปร่งกับปลอดภัย ระบบต้องมีวาล์วปิด-เปิด และมาตรวัดแรงดันเพื่อควบคุมการใช้งาน ควรหมั่นทดสอบรอยรั่วด้วยน้ำสบู่หรือเครื่องมือตรวจวัด และติดตั้งพัดลมระบายอากาศในครัว เพื่อช่วยให้อากาศถ่ายเทสะดวก
ระบบสื่อสารและระบบอื่น ๆ
- ระบบสื่อสาร หมายถึงถึงระบบโทรศัพท์ ระบบอินเทอร์เน็ต และระบบโทรทัศน์ การเดินสาย LAN (Local Area Network) ต้องวางแผนให้ครอบคลุมทุกห้องที่ต้องการใช้อินเทอร์เน็ต สายนี้ควรเป็น CAT 6 หรือสูงกว่า เพื่อรองรับการใช้งานความเร็วสูงในอนาคต
- ระบบรักษาความปลอดภัย เช่น กล้องวงจรปิด ระบบเตือนภัยขโมย และระบบควบคุมการเข้าออก การเตรียมท่อกับสายไฟสำหรับระบบเหล่านี้ควรทำในขณะที่กำลังก่อสร้าง เพื่อความเรียบร้อยและประหยัดค่าใช้จ่าย
-
ระบบปรับอากาศ ต้องมีการวางแผนการติดตั้งล่วงหน้า ตำแหน่งของตัวเครื่องภายในและภายนอก การเดินท่อน้ำยาแอร์ กับระบบระบายน้ำทิ้งจากเครื่องปรับอากาศ การเตรียมไฟฟ้าเฉพาะสำหรับเครื่องปรับอากาศแต่ละตัวก็เป็นสิ่งจำเป็น
ขั้นตอนการสร้างบ้าน 4. การตกแต่งและเก็บรายละเอียด
การตกแต่ง คือขั้นตอนการสร้างบ้านที่ทำให้บ้านมีความสวยและพร้อมสำหรับการเข้าอยู่อาศัย งานส่วนนี้ต้องใช้ความละเอียดกับฝีมือของช่างที่มีประสบการณ์ค่ะ
การปูพื้นด้วยวัสดุต่าง ๆ
การเลือกวัสดุปูพื้นขึ้นอยู่กับการใช้งาน งบที่มี และความชอบส่วนตัว ได้แก่
- กระเบื้องเซรามิก มีความทนทาน ทำความสะอาดง่าย เหมาะกับห้องน้ำและครัว
- กระเบื้องยางลายไม้ ติดตั้งง่าย ราคาประหยัดกว่าไม้จริง ดูแลง่าย
- พื้นไม้ลามิเนต ความสวยใกล้เคียงไม้จริง เหมาะกับห้องนอน
- พื้นไม้จริง ให้ความหรูหรา ธรรมชาติ อบอุ่น แต่ต้องดูแลรักษา
-
หินอ่อนหรือหินแกรนิต สวยงาม ทนทาน เหมาะกับพื้นที่รับแขก
การติดตั้งวัสดุปูพื้นต้องเตรียมพื้นผิวให้เรียบเสมอกัน และใช้กาวหรือวัสดุยึดที่มีคุณภาพ
การทาสีรองพื้นกับสีจริง สำหรับผนังและฝ้า
งานทาสีเป็นขั้นตอนที่ทำให้บ้านมีสีสันและบรรยากาศตามที่ต้องการ การเตรียมผิวผนังก่อนทาสีเป็นสิ่งสำคัญมาก ต้องขัดผิวให้เรียบ เก็บฝุ่นออกให้หมด และอุดรูตะปูหรือรอยบุ๋มด้วยพาสต์อุดรู
- การทาสีรองพื้น (Primer) ขั้นตอนที่ไม่ควรมองข้าม เพราะจะช่วยให้สีทาบติดผนังได้ดีและทนนาน การเลือกสีรองพื้นต้องเหมาะสมกับประเภทผนังและสีที่จะทา สำหรับผนังคอนกรีตใหม่ ควรใช้สีรองพื้นกันด่างเพื่อป้องกันการแกะลอกของสี
-
การทาสีจริง ต้องทา 2-3 ชั้น โดยรอให้แต่ละชั้นแห้งสนิทก่อนทาชั้นถัดไป การใช้ลูกกลิ้งที่มีคุณภาพจะช่วยให้ผิวสีเรียบเนียนและสม่ำเสมอ สำหรับงานรายละเอียด เช่น มุมผนังหรือบริเวณประตูหน้าต่าง ควรใช้พู่กันขนาดเหมาะสม
การเลือกใช้สีให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติ และวิธีการใช้งานของสีแต่ละประเภท ได้แก่
ประเภทสี | ข้อดี | การใช้งาน | ราคา |
---|---|---|---|
สีน้ำอะครีลิค | แห้งเร็ว ไร้กลิ่น | ผนังทั่วไป | ปานกลาง |
สีน้ำมัน | ทนทาน สีสวย | ไม้และเหล็ก | สูง |
สีซีเมนต์ | กันความชื้น | ผนังนอกอาคาร | ถูก |
การติดตั้งสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ในห้องน้ำห้องครัว
- ห้องน้ำ ต้องดำเนินการหลังจากงานปูกระเบื้องเสร็จสิ้น สุขภัณฑ์ที่ต้องติดตั้ง ได้แก่ โถปัสสาวะ อ่างล้างหน้า ฝักบัว อ่างอาบน้ำ และอุปกรณ์ประกอบต่าง ๆ การเลือกสุขภัณฑ์ต้องพิจารณาทั้งความสวยงาม คุณภาพ และความเหมาะสมกับพื้นที่
-
ห้องครัว การติดตั้งซิงก์ล้างจาน เตาแก๊ส เครื่องดูดควัน และตู้ครัวต้องทำอย่างเป็นระบบ ตำแหน่งของแต่ละอุปกรณ์ต้องสะดวกต่อการใช้งาน มีการเชื่อมต่อกับระบบประปา ไฟฟ้า และแก๊สอย่างถูกต้อง
การติดตั้งอุปกรณ์ต้องใช้ช่างที่มีความชำนาญ โดยเฉพาะการต่อท่อน้ำและท่อแก๊ส ที่ต้องได้รับการทดสอบความปลอดภัยก่อนการใช้งานจริง การรั่วซึมของน้ำหรือแก๊สอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ค่ะ
การติดตั้งบานประตูและหน้าต่าง
- การติดตั้งบานประตูและหน้าต่าง ต้องปฏิบัติอย่างระมัดระวัง เพื่อให้มีความแข็งแรงและการทำงานที่ราบรื่น การตรวจเช็คขนาดของช่องเปิดต้องทำอย่างละเอียด ถ้าช่องเปิดไม่ตรงกับขนาดของบานประตูหน้าต่าง อาจต้องมีการปรับแต่ง
- การติดตั้งวงกบ ต้องใช้ระดับน้ำกับฉาก เพื่อให้วงกบตั้งฉากและได้ระดับ การยึดวงกบกับผนังต้องใช้พลักไฟเบอร์กับสกรูที่เหมาะสม จำนวนจุดยึดต้องเพียงพอเพื่อรับน้ำหนักของบาน
-
การติดตั้งลูกบิดประตู บานพับ และอุปกรณ์ประกอบอื่น ๆ ต้องทำอย่างเรียบร้อย การปรับตั้งบานให้เปิดปิดได้ราบรื่นและไม่มีเสียงดัง การติดตั้งซีลกันน้ำกับลมเพื่อประหยัดพลังงาน
การทำความสะอาดพื้นที่ก่อสร้างทั้งหมด
การทำความสะอาด คือสิ้งสุดท้ายของขั้นตอนการสร้างบ้านให้พร้อมสำหรับการเข้าอยู่อาศัย โดยมีวิธีการทำความสะอาด ดังนี้
- การเก็บเศษวัสดุก่อสร้างและขยะต่าง ๆ ออกจากพื้นที่
- การทำความสะอาดผนัง ฝ้าเพดาน และพื้น ต้องใช้น้ำยาทำความสะอาดที่เหมาะสมกับแต่ละประเภทผิว
- การใช้เครื่องดูดฝุ่น ช่วยขจัดฝุ่นละอองที่ฟุ้งกระจายระหว่างการก่อสร้าง
- การเช็ดกระจกและอุปกรณ์สแตนเลสให้เป็นเงา ต้องใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์และน้ำยาเฉพาะ
- การตรวจสอบและทำความสะอาดระบบต่าง ๆ เช่น การล้างท่อประปา การทดสอบระบบไฟฟ้า แลตรวจการทำงานของอุปกรณ์ต่าง ๆ ต้องทำก่อนการส่งมอบ
-
การบำรุงรักษาเบื้องต้น เช่น การใส่น้ำมันบานพับ หรือการปรับแต่งอุปกรณ์
ขั้นตอนการสร้างบ้าน 5. การตรวจสอบและส่งมอบบ้านก่อนเข้าอยู่
หลังจากขั้นตอนการสร้างบ้านเสร็จสิ้น การตรวจรับงานก่อนส่งมอบให้เจ้าของบ้าน คือกระบวนการสุดท้ายที่ชี้วัดความสำเร็จของโครงการ การตรวจสอบทุกจุดอย่างละเอียดจะช่วยป้องกันข้อบกพร่อง ลดความกังวลในการอยู่อาศัย และข้อร้องเรียนภายหลังได้ค่ะ
การตรวจสอบคุณภาพงานโครงสร้าง
การตรวจสอบโครงสร้าง ต้องดำเนินการโดยวิศวกรโครงสร้างหรือผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่
- ตรวจฐานรากและเสาเข็ม ต้องมีความแข็งแรงและถูกต้องตามแบบแปลน
- การตรวจเสา คาน พื้นชั้น ต้องครอบคลุมทั้งขนาด ตำแหน่ง และคุณภาพของคอนกรีต
- เช็ครอยแตกหรือรอยร้าวในโครงสร้าง ต้องทำอย่างละเอียด ถ้าพบรอยแตกที่ผิดปกติ ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินและแก้ไขก่อนการส่งมอบ
-
การตรวจสอบระดับและความเสมอของพื้นกับผนัง ด้วยเครื่องมือที่แม่นยำ
การทดสอบระบบสาธารณูปโภค
- ระบบไฟฟ้ ตรวจเช็คการทำงานของเบรกเกอร์ เต้ารับ สวิตช์ และระบบสายดินทั้งหมด มีการใช้มัลติมิเตอร์เพื่อวัดค่าแรงดันกับกระแสไฟฟ้าในวงจรต่าง ๆ และทดลองการทำงานของอุปกรณ์ตัดไฟรั่วอย่าง RCBO หรือ RCD เพื่อยืนยันความปลอดภัย
- ระบบประปา ตรวจเช็คแรงดันน้ำในทุกจุดใช้งาน และสำรวจการรั่วซึมตามท่อกับข้อต่อต่าง ๆ ส่วนระบบน้ำร้อนจะทดลองการทำงานกับวัดอุณหภูมิให้ได้ค่าที่พอดี สำหรับการระบายน้ำเสีย จะทดลองปล่อยน้ำปริมาณมากเพื่อสังเกตการไหลและหาจุดอุดตัน
- ระบบปรับอากาศ จะตรวจเช็คโดยการทดลองเปิดใช้งานเครื่องปรับอากาศทุกตัว เพื่อดูประสิทธิภาพความเย็น ตรวจหาการรั่วซึมของน้ำยาแอร์ และสังเกตการระบายน้ำทิ้งว่าทำงานปกติ
-
ระบบสื่อสารและอินเทอร์เน็ต จะทดสอบความแรงของสัญญาณและความเร็วในการส่งข้อมูล เพื่อให้แน่ใจว่าการเชื่อมต่อมีประสิทธิภาพพร้อมใช้งาน
การตรวจสอบงานตกแต่งและรายละเอียด
รายการตรวจสอบ | สิ่งที่ต้องสังเกต | เครื่องมือและแนวทางตรวจสอบ |
---|---|---|
งานสี | ความเรียบเนียนของผิวงาน และสีที่ทาต้องมีความสม่ำเสมอ ไม่มีรอยขนแปรง |
ใช้ไฟฉายส่องในมุมเฉียง เพื่อดูความเรียบและร่องรอยต่าง ๆ |
งานพื้น | การเรียงตัวของวัสดุ ระดับพื้นที่เสมอกัน และการเก็บขอบมุมที่เรียบร้อย |
ใช้อุปกรณ์วัดระดับน้ำ เพื่อดูความเสมอกันและการลาดเอียงของพื้น |
ระบบไฟฟ้า | ตำแหน่งของสวิตช์ และปลั๊กไฟตรงตามแบบที่กำหนดไว้ |
ใช้ปลั๊กทดสอบ เพื่อดูการทำงานและแรงดันไฟฟ้าที่ถูกต้อง |
รอยรั่วซึม | คราบน้ำหรือรอยความชื้นตามผนัง ฝ้าเพดาน หรือขอบมุมต่าง ๆ |
ใช้ไฟฉายและกระจกส่องสำรวจในบริเวณที่เข้าถึงยาก |
การติดตั้งอุปกรณ์ | การทำงานของเครื่องใช้ทุกชิ้นต้องปกติ และการติดตั้งมีความมั่นคงแข็งแรง |
ทดลองเปิดใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้า และสุขภัณฑ์ทุกชิ้น |
การดูแลความสะอาด | พื้นที่โดยรวมต้องไม่มีเศษวัสดุจากการก่อสร้าง และคราบสกปรกตกค้าง |
สำรวจความเรียบร้อยของพื้นที่ทั้งหมดหลังการทำความสะอาด |
การจัดทำรายการปัญหาและการแก้ไข
- การบันทึกข้อมูลปัญหา ระบุตำแหน่งและลักษณะของปัญหา พร้อมถ่ายภาพเก็บไว้เป็นหลักฐาน
- จัดลำดับงานแก้ไข แบ่งแยกรายการที่ต้องดำเนินการเร่งด่วนออกจากรายการทั่วไป
- กำหนดกรอบเวลา ตกลงเรื่องระยะเวลาสำหรับซ่อมแซมแต่ละรายการกับผู้รับเหมา
-
ติดตามและตรวจงาน หมั่นเข้ามาเช็คผลการซ่อมแซม เพื่อให้มั่นใจว่างานเสร็จสิ้นเรียบร้อย
ขั้นตอนการรับมอบอย่างเป็นทางการ
- การลงนามในเอกสารรับมอบ หลังจากตรวจสอบคุณภาพงานจนเป็นที่พอใจและทุกอย่างได้รับการแก้ไขเรียบร้อย
- การรับมอบเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น แบบแปลน คู่มือการใช้งาน และใบรับประกันต่าง ๆ
- การส่งมอบกุญแจและรีโมทควบคุม พร้อมชุดสำรองสำหรับใช้งาน
- การให้คำแนะนำเรื่องการดูแลรักษา และวิธีการบำรุงรักษาในเบื้องต้น
-
การนัดหมายเพื่อรับบริการหลังการขาย สำหรับรองรับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
สรุป
ขั้นตอนการสร้างบ้าน คือกระบวนการที่ละเอียดอ่อนและเชื่อมโยงกัน ตั้งแต่การวางแผนช่วงแรก การดำเนินงานโครงสร้าง งานสถาปัตยกรรมและระบบต่าง ๆ จนถึงการตกแต่งเพื่อส่งมอบ ความสำเร็จของโครงการขึ้นอยู่กับการวางแผนที่รัดกุม การเลือกผู้รับเหมาที่น่าเชื่อถือ การใช้วัสดุมีคุณภาพ และการควบคุมงานอย่างใกล้ชิด
เจ้าของบ้านควรมีส่วนร่วมและตรวจคุณภาพงานก่อสร้างทุกขั้นตอน เพราะบ้านคือรากฐานของการใช้ชีวิตและความปลอดภัยของครอบครัวในอนาคตค่ะ