แชร์

ขั้นตอนการสร้างบ้าน ตั้งแต่เริ่มต้นจนพร้อมเข้าอยู่

อัพเดทล่าสุด: 1 ก.ย. 2025
68 ผู้เข้าชม

S.J.Building สรุปให้

  • ขั้นตอนการสร้างบ้าน มี 7 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ การเตรียมพื้นที่ วางผังอาคาร งานโครงสร้าง งานสถาปัตยกรรม งานระบบ งานตกแต่ง และการส่งมอบ
  • การสร้างบ้านหนึ่งหลังใช้ระยะเวลาประมาณ 12-17 เดือน ตั้งแต่การเตรียมความพร้อมจนพร้อมเข้าอยู่
  • โครงสร้างบ้านแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ โครงสร้างใต้ดิน (เสาเข็ม ฐานราก ตอม่อ คานคอดิน) และโครงสร้างบนดิน (เสา คาน พื้น ผนัง โครงหลังคา)
  • งานโครงสร้างต้องผ่านมาตรฐาน ม.อ.ก. มีการตรวจสอบคุณภาพทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการก่อสร้าง
  • งานระบบสาธารณูปโภคต้องติดตั้งก่อนงานผนัง เพื่อให้การเดินสายไฟฟ้าและประปาเป็นไปอย่างถูกต้อง


ขั้นตอนการสร้างบ้าน ต้องมีการวางแผนและดำเนินการอย่างเป็นระบบ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่กระทบต่อโครงสร้างและความแข็งแรงของบ้านในระยะยาว บทความนี้ S.J.Building จะอธิบายกระบวนการสร้างบ้านทั้งหมด ตั้งแต่การวางแผนออกแบบ การขออนุญาต การเลือกผู้รับเหมากับวัสดุ จนถึงการก่อสร้างและตรวจรับงานค่ะ

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

การเตรียมความพร้อมก่อนเริ่ม ขั้นตอนการสร้างบ้าน

ขั้นตอนการสร้างบ้าน ให้ตอบโจทย์การใช้งานกับความชอบส่วนตัว ต้องอาศัยการวางแผนอย่างเป็นระบบ การศึกษาข้อมูลจากหลายแหล่ง และการปรึกษาผู้มีประสบการณ์ เช่น ทีมงานของ S.J.Building ที่พร้อมให้คำแนะนำ เพื่อให้การสร้างบ้านได้ตรงใจและสามารถดูแลค่าใช้จ่ายตามแผนที่วางไว้ การเตรียมตัวก่อนก่อสร้างบ้านมี 4 อย่าง ดังนี้

การเลือกที่ดินและตรวจสอบข้อกำหนดทางกฎหมาย การสร้างบ้าน

ขั้นตอนการสร้างบ้านบนที่ดินของตัวเอง คืองานที่ต้องใช้เวลาและมีความซับซ้อนอยู่บ้าง แต่สามารถจัดการได้ผ่านการวางแผนที่รัดกุมกับการขอคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ ปัจจัยที่ต้องพิจารณาการเลือกที่ดินที่เหมาะสม ได้แก่

  1. ตำแหน่งที่ตั้งของที่ดิน ต้องอยู่ในพื้นที่ที่สามารถก่อสร้างที่อยู่อาศัยได้ มีไฟฟ้า น้ำประปาผ่าน เพื่อพร้อมในการอยู่อาศัย
  2. ระดับพื้นที่ดิน ต้องพิจารณาว่าที่ดินต้องถมหรือไม่ ถ้าพื้นที่ค่อนข้างต่ำ เสี่ยงกับน้ำท่วม ควรถมดินให้สูงกว่าถนนคอนกรีตประมาณ 50 เซนติเมตร
  3. ตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ควรตรวจสอบว่าที่ดินต้องไม่อยู่ในเขตอุทยาน ป่าสงวน หรือพื้นที่คุ้มครองที่ไม่สามารถครอบครองได้

การตรวจสอบข้อกำหนดทางกฎหมาย คือเรื่องที่ต้องดำเนินการก่อนเริ่มขั้นตอนการสร้างบ้าน เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต โดยมีกฎหมายหลักที่เกี่ยวข้องดังนี้

  • พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร การสร้างบ้านหรือการสร้างที่อยู่อาศัยบนที่ดินของตัวเอง ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2544 ข้อกำหนดหลัก ๆ อยู่ 6 มาตรา
  • กฎหมายระยะร่น สำหรับการสร้างทาวน์เฮาส์ต้องมีที่ว่างด้านหลัง 2 เมตร ด้านหน้า 3 เมตร และการสร้างบ้านพักอาศัยต้องให้ความสำคัญกับระยะร่นกับที่เว้นว่างตามที่กฎหมายกำหนด
  • ข้อกำหนดเรื่องความสูงของอาคาร ความสูงของอาคารทุกด้านต้องไม่เกิน 2 เท่าของระยะราบ ที่วัดจากจุดนั้นไปตั้งฉากกับแนวถนนด้านตรงข้ามของถนนสาธารณะที่อยู่ใกล้อาคารที่สุด

การวางแผนงบประมาณและเลือกแบบ ขั้นตอนการสร้างบ้าน

  1. ประเมินงบที่มีทั้งหมด รวมค่าก่อสร้าง ค่าวัสดุ ค่าแรงงาน และค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด ควรเตรียมเงินสำรองประมาณ 10-15% ของงบรวม และวางแผนการจ่ายเงินตามความคืบหน้าของงาน
  2. เลือกแบบบ้าน ให้เหมาะกับงบประมาณ ความต้องการใช้สอย และขนาดที่ดิน
  3. ปรึกษาสถาปนิก เพื่อปรับปรุงแบบให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมและไลฟ์สไตล์
  4. จัดทำแบบก่อสร้าง เมื่อทำการปรึกษาสถาปนิกหรือนักออกแบบเพื่อสร้างแบบแปลนโดยละเอียดสำหรับบ้าน จะมี 4 แบบหลัก ๆ คือ แบบสถาปัตยกรรม แบบวิศวกรรมโครงสร้าง แบบวิศวกรรมไฟฟ้า และแบบสุขาภิบาล
  5. การเลือกวัสดุก่อสร้าง พิจารณาเลือกวัสดุที่มีคุณภาพที่เหมาะกับการใช้งานและงบที่มี

การออกแบบบ้านและจัดทำแบบแปลน การสร้างบ้าน

การออกแบบบ้าน คือขั้นตอนการสร้างบ้านที่จะกำหนดรูปแบบและประโยชน์ใช้สอยของบ้านในอนาคตค่ะ ควรร่วมมือกับสถาปนิกกับนักออกแบบ เพื่อสร้างบ้านที่เหมาะกับความต้องการและการอยู่อาศัย เช่น จำนวนห้องนอน ห้องน้ำ หรือพื้นที่อย่างห้องทำงาน หัวข้อในการออกแบบบ้านมีดังนี้

  1. ออกแบบพื้นที่ให้ตอบโจทย์การใช้งานจริงและไลฟ์สไตล์ของผู้อาศัย
  2. การวางแผนค่าใช้จ่ายในการสร้างบ้าน คือสิ่งที่จำเป็นมาก เพราะนอกจากจะได้รู้จำนวนเงินทั้งหมดที่คาดว่าจะต้องใช้แล้ว ยังเป็นแนวทางในการวางแผนทางการเงินได้ดี
  3. เมื่อทำการปรึกษาสถาปนิกหรือนักออกแบบ เพื่อสร้างแบบแปลนโดยละเอียดสำหรับบ้าน จะมี 4 อย่างหลัก ๆ คือ แบบสถาปัตยกรรม แบบวิศวกรรมโครงสร้าง แบบวิศวกรรมไฟฟ้า และแบบสุขาภิบาล
  4. การปฏิบัติตามกฎหมาย ระยะร่น อัตราส่วนพื้นที่ก่อสร้าง
  5. พิจารณาเลือกวัสดุที่มีคุณภาพเหมาะสมกับการใช้งานและงบที่มี

ข้อควรรู้เพิ่มเติมสำหรับ ขั้นตอนการสร้างบ้าน ชั้นเดียว

บ้านชั้นเดียวมีข้อดีหลายอย่าง เช่น ใช้เงินน้อยกว่า เหมาะกับผู้สูงอายุที่ไม่ต้องการขึ้นลงบันได และดูแลรักษาง่าย สิ่งที่ควรรู้เพิ่มเติมสำหรับการสร้างบ้านชั้นเดียวมีดังนี้

  • การวางผังอาคาร ต้องให้ความสำคัญกับตำแหน่งลงเสาเข็ม และระยะร่นตามเทศบัญญัติ ถ้าที่ดินมีต้นไม้ใหญ่และต้องการเก็บไว้ ก็ต้องปรับตำแหน่งเพื่อหลีกเลี่ยงแนวต้นไม้ด้วย
  • ระบบระบายอากาศ ในการสร้างห้องภายในบ้านไม่ว่าห้องจะมีการปิดที่มืดทึบแค่ไหน ก็จำเป็นต้องมีช่องเปิดถ่ายเทอากาศภายนอกอาคารได้ เช่น ประตู หน้าต่าง หรือบานเกล็ด ที่รวมกันแล้วไม่น้อยกว่า 10% ของพื้นที่นั้น ๆ
  • ขนาดห้องนอน ตามหลักกฎหมาย ห้องนอนในอาคารให้มีความกว้างด้านแคบที่สุด ไม่น้อยกว่า 2.50 เมตร และมีพื้นที่ไม่น้อยกว่า 8 ตารางเมตร เพื่อให้เป็นขนาดห้องนอนที่กว้างขวาง โปร่งสบาย

การขออนุญาตก่อสร้างและเอกสารที่ต้องใช้ ขั้นตอนการสร้างบ้าน

ขั้นตอนการสร้างบ้านจะต้องมีการขออนุญาตก่อสร้างก่อนค่ะ เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิจารณาว่าโครงสร้างของบ้านมีความปลอดภัยในการก่อสร้างและเหมาะสมต่อการอยู่อาศัยหรือไม่ โดยมีเอกสารที่ต้องใช้ ได้แก่

  1. ใบคำร้องขออนุญาตก่อสร้างอาคาร (ข.๑)
  2. สำเนาทะเบียนบ้าน
  3. สำเนาบัตรประชาชน
  4. หนังสือรับรองการเป็นเจ้าของที่ดิน (โฉนดที่ดิน)
  5. กรณีที่ไม่ได้ไปยื่นขออนุญาตก่อสร้างด้วยตัวเอง จะต้องมีหนังสือแสดงการมอบอำนาจให้กับผู้ที่เป็นตัวแทนในการยื่นขออนุญาตก่อสร้าง
  6. แบบแปลนแผนผังบ้าน หนังสือรับรองจากวิศวกรหรือสถาปนิก

เมื่อทำการปรับพื้นที่ที่ก่อสร้างแล้ว ขั้นตอนที่เราจะต้องทำคือ การขออนุญาตก่อสร้าง โดยการขออนุญาตก่อสร้างนี้อยู่ภายใต้ข้อพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ถ้าไม่ขออนุญาตก่อสร้าง มีโทษจำคุกหรือปรับตามกฎหมายค่ะ

ข้อควรระวัง เกี่ยวกับการขออนุญาตก่อสร้างบ้าน เพื่อให้การดำเนินการสะดวกขึ้น ควรเตรียมเอกสารให้พร้อม เผื่อเวลาสำหรับแต่ละขั้นตอน และเตรียมค่าธรรมเนียมไว้ล่วงหน้า ส่วนการยื่นคำร้องนั้น สามารถดำเนินการผ่านเว็บไซต์ของหน่วยงานท้องถิ่นได้ค่ะ

การคัดเลือกผู้รับเหมาและทำสัญญาว่าจ้าง ขั้นตอนการสร้างบ้าน

1. การคัดเลือกผู้รับเหมา

การเลือกผู้รับเหมา คือหนึ่งในขั้นตอนการสร้างบ้านที่ต้องอาศัยการเช็คข้อมูลให้รอบด้าน เพื่อให้ได้ผู้ให้บริการที่ไว้วางใจได้ ควรเริ่มต้นจากการตรวจสอบภูมิหลังของผู้รับเหมา และพิจารณาเงื่อนไขต่าง ๆ ประกอบกัน ได้แก่

  • ตรวจสอบผลงานเก่า สอบถามจากลูกค้าเดิม หรืออ่านความเห็นออนไลน์
  • ความน่าเชื่อถือ ยืนยันความถูกต้องของใบอนุญาตประกอบการ
  • ความถนัดเฉพาะทาง เช่น งานโครงสร้าง ระบบไฟฟ้า หรือประปา
  • เปรียบเทียบราคา ขอบเขตบริการ และรายละเอียดการรับประกันจากผู้รับเหมาหลายเจ้า

2. การทำสัญญาว่าจ้าง

การทำสัญญาว่าจ้างก่อสร้างบ้านที่รัดกุม ควรระบุข้อตกลงที่จำเป็นเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต โดยมีสาระหลักดังนี้

  • ระบุรายละเอียดของงานก่อสร้างและรายการวัสดุทั้งหมดที่ตกลงกัน
  • กำหนดกรอบเวลาเริ่มต้นและวันส่งมอบโครงการที่แน่นอน
  • วางลำดับการจ่ายเงินที่สอดคล้องกับความคืบหน้าของงานในแต่ละงวด
  • ระบุเงื่อนไขและระยะเวลาการรับประกันผลงานหลังการก่อสร้าง

เอกสารทั้งหมดต้องจัดทำเป็นลายลักษณ์อักษรและมีพยานร่วมลงนาม เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย

3. การควบคุมงานก่อสร้าง

การควบคุมงานก่อสร้างบ้าน คือการลดปัญหาในระยะยาว มีแนวทางปฏิบัติที่เจ้าของบ้านสามารถทำได้มีดังนี้

  • ตรวจความคืบหน้าของงาน ตามช่วงเวลาที่กำหนด เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน
  • บันทึกข้อมูลตำแหน่งของงานระบบต่าง ๆ เช่น ท่อไฟฟ้า ประปา และสุขาภิบาล สำหรับใช้อ้างอิงในการซ่อมแซมภายหน้า

การที่เจ้าของบ้านใส่ใจในรายละเอียดเหล่านี้ จะช่วยให้การสร้างบ้านสำเร็จตามที่คาดหวังและลดโอกาสเกิดข้อบกพร่อง

 

ขั้นตอนการสร้างบ้าน 1. ลำดับงานโครงสร้างหลักของตัวบ้าน

ขั้นตอนการสร้างบ้านในส่วนของงานโครงสร้างหลัก คือแกนกลางที่กำหนดความมั่นคงแข็งแรงของตัวอาคารทั้งหมด การก่อสร้างจะดำเนินไปตามลำดับจากฐานรากขึ้นไปสู่หลังคา โดยมีลำดับงานพื้นฐาน ดังนี้

การเตรียมพื้นที่และวางผังอาคาร

เริ่มขั้นตอนการสร้างบ้าน ด้วยการจัดการพื้นที่ให้พร้อมก่อนลงมือสร้างโครงสร้าง สิ่งที่ต้องทำให้เสร็จก่อนสร้างบ้าน ได้แก่

  • การปรับสภาพพื้นที่ โดยการถางและปรับระดับหน้าดินให้เรียบเสมอกัน
  • ตรวจสอบคุณสมบัติของดิน เพื่อใช้ในการออกแบบฐานราก
  • กำหนดตำแหน่งและวางหมุดอ้างอิงแนวอาคารตามที่ระบุในแบบก่อสร้าง

งานเสาเข็มและฐานราก

งานเสาเข็มและฐานราก คือการวางโครงสร้างใต้ดินส่วนแรกสุดเพื่อรับน้ำหนักของตัวบ้านทั้งหมด ประกอบด้วยขั้นตอนการทำงานหลัก ๆ ดังนี้

  1. การตอกเสาเข็ม ชนิดของวัสดุขึ้นอยู่กับสภาพดินและน้ำหนักบ้าน เช่น เสาเข็มหกเหลี่ยมกลวง สำหรับบ้าน 1-2 ชั้น เสาเข็มตัวไอ สำหรับบ้านขนาดใหญ่ หรือเสาเข็มเจาะ สำหรับพื้นที่จำกัดและดินแข็ง
  2. การหล่อฐานราก ทำหน้าที่เชื่อมโยงเสาเข็มแต่ละต้นเข้าด้วยกันเพื่อกระจายน้ำหนัก
  3. การติดตั้งเหล็กเสริม เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้างทั้งหมดตามแบบทางวิศวกรรม

งานโครงสร้างเสา คาน และพื้น

ขั้นตอนการสร้างบ้านนี้เป็นการสร้างแกนหลักของตัวบ้าน มีกระบวนการทำงานเรียงตามลำดับ ได้แก่

  1. ก่อสร้างเสาและคานด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กตามมาตรฐานวิศวกรรม จากนั้นบ่มคอนกรีตเป็นเวลา 14-28 วันเพื่อให้ได้ความแข็งแรงตามกำหนดก่อนถอดแบบ
  2. เทพื้นคอนกรีตสำหรับชั้นต่าง ๆ พร้อมตรวจสอบความเรียบและความแข็งแรงของงานให้ถูกต้อง
  3. ก่อสร้างบันได มีทั้งรูปแบบคอนกรีตเสริมเหล็กและการติดตั้งโครงสร้างเหล็กตามแบบที่กำหนด

งานพื้นชั้นบนและโครงหลังคา (กรณีบ้านหลายชั้น)

ขั้นตอนการสร้างบ้านสำหรับอาคารหลายชั้นจะมีส่วนงานโครงสร้างเพิ่มขึ้นมา เริ่มจากการหล่อพื้นชั้นสองพร้อมวางระบบท่อที่จำเป็น ต่อด้วยการตั้งเสาและเทคานเพื่อรับน้ำหนักชั้นบน

โครงสร้างหลังคา การเลือกใช้วัสดุมีผลต่อความแข็งแรงและอายุการใช้งานของบ้าน วัสดุหลักที่ใช้กันมีคุณสมบัติกับข้อควรพิจารณาที่แตกต่างกัน ดังนี้

ประเภทโครงสร้าง คุณสมบัติเด่น ข้อควรพิจารณา
คอนกรีตเสริมเหล็ก
  • มีความแข็งแรงทนทานสูง
  • ป้องกันไฟและความร้อนได้
  • มีน้ำหนักมาก
  • ต้องใช้เวลาในการก่อสร้างและรอให้คอนกรีตแห้งตัว
โครงเหล็ก
  • ติดตั้งได้รวดเร็ว
  • น้ำหนักเบากว่าคอนกรีต
  • ต้องมีกรรมวิธีป้องกันสนิม
  • มีแนวโน้มสะสมความร้อน
โครงไม้
  • ให้ความรู้สึกอบอุ่น
  • เป็นธรรมชาติ
  • ต้องการการดูแลเพื่อป้องกันปลวก ความชื้น และปัญหาการติดไฟ

 

ขั้นตอนการสร้างบ้าน 2. งานสถาปัตยกรรมและส่วนประกอบอาคาร

เมื่องานโครงสร้างหลักเสร็จสิ้น จะเข้าสู่ขั้นตอนของงานสถาปัตยกรรมที่ทำให้บ้านมีรูปร่างกับฟังก์ชันการใช้งานที่สมบูรณ์ ขั้นตอนการสร้างบ้านนี้ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง เพื่อให้ได้ผลงานที่สวยงามและใช้งานได้จริง

งานมุงหลังคาและฝ้าเพดาน

หลังคาบ้าน มีหน้าที่หลักในการปกป้องตัวอาคารจากสภาพอากาศข้างนอก โดยวัสดุมุงหลังคาแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ดังนี้

วัสดุมุงหลังคา ราคา ความทนทาน การบำรุงรักษา
กระเบื้องเซรามิก ปานกลาง ดีมาก น้อย
เมทัลชีท ถูก ดี ปานกลาง
แผ่นคอนกรีต สูง ดีมาก น้อย
หญ้าคาหรือใบไผ่ ถูก พอใช้ มาก

ขั้นตอนการติดตั้งโครงสร้างหลังคาบ้าน

  1. การติดตั้งโครงสร้างหลังคา ตามแบบที่ออกแบบไว้
  2. การมุงหลังคา เลือกวัสดุที่เหมาะกับสภาพอากาศ
  3. การติดตั้งรางน้ำฝน เพื่อระบายน้ำจากหลังคาออกจากตัวบ้าน
  4. ปิดพื้นผิวใต้หลังคาด้วยงานฝ้าเพดาน เพื่อความเรียบร้อย
  5. ติดตั้งช่องระบายอากาศ ช่วยลดการสะสมความร้อนใต้หลังคา

งานก่อผนังและผนังกั้น

  • งานก่อผนัง คือการสร้างส่วนปิดล้อมเพื่อแบ่งพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน ซึ่งวัสดุสำหรับงานผนังมีหลายชนิด แต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ได้แก่ ผนังก่ออิฐมอญ (แข็งแรง ทนทาน) ผนังคอนกรีตบล็อก (กันเสียงได้ดี) ผนังเบา AAC (น้ำหนักเบา ประหยัดพลังงาน) และผนังแผ่นฝา (ติดตั้งเร็ว เหมาะกับบ้านโมเดิร์น)
  • การติดตั้งเหล็กเสริมในผนัง ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับโครงสร้าง โดยเฉพาะส่วนที่ต้องรับน้ำหนักหรือผนังที่มีช่องเปิดขนาดใหญ่ เพื่อป้องกันปัญหาการแตกร้าวในระยะยาว หลังจากโครงสร้างแข็งแรงแล้ว ขั้นตอนการฉาบผนังจะทำ 2-3 ครั้งตามลำดับ เริ่มจากการฉาบหยาบ ตามด้วยการฉาบละเอียด และจบงานด้วยการฉาบเรียบผิวเพื่อให้ผนังมีความเรียบเนียนพร้อมใช้งาน
  • งานฝ้าเพดาน มีหน้าที่ปิดซ่อนโครงสร้างและระบบท่อต่าง ๆ ด้านบน ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับภายในบ้าน วัสดุฝ้าเพดานที่นิยมใช้ ได้แก่ แผ่นยิปซัม ไฟเบอร์ซีเมนต์ หรือแผ่นอลูมิเนียม แต่ละชนิดมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันค่ะ

งานปูนฉาบและกันซึม

  • งานปูนฉาบ เริ่มต้นด้วยการฉาบผนังเพื่อปิดผิวให้เรียบเนียนกับเตรียมพื้นผิวสำหรับงานทาสี การทำงานนี้ยังช่วยเสริมความแข็งแรงและป้องกันความชื้นเบื้องต้น ทำให้ผนังดูเรียบร้อยสมบูรณ์
  • ระบบกันซึม จะถูกนำไปใช้ในบริเวณที่ต้องสัมผัสน้ำหรือความชื้นโดยตรง ครอบคลุมพื้นที่ใต้ดิน ห้องน้ำ ห้องครัว ดาดฟ้า และระเบียง เพื่อสร้างเกราะป้องกันความเสียหายระยะยาวได้ค่ะ

งานติดตั้งวงกบประตูและหน้าต่าง

การติดตั้งประตู หน้าต่าง และช่องเปิดต่าง ๆ คือขั้นตอนการสร้างบ้านที่ช่วยเติมเต็มโครงสร้างสมบูรณ์พร้อมใช้งานกับมีการระบายอากาศได้สะดวก โดยเริ่มจากการเลือกวงกบที่แข็งแรงและป้องกันน้ำซึม โดยมีวัสดุหลายชนิดให้เลือกตามลักษณะการใช้งาน ได้แก่

  • วงกบไม้ธรรมชาติ ให้ความรู้สึกอบอุ่น แต่ต้องดูแลรักษา
  • วงกบไม้เอ็นจิเนียร์ ถูกพัฒนาให้ทนทานและลดการแตกร้าว
  • วงกบอลูมิเนียม ทนทานสูง ดูแลง่าย แต่สามารถนำความร้อน
  • วงกบ UPVC ทำหน้าที่เป็นฉนวนป้องกันความร้อนและเสียง

การเลือกบานประตูต้องให้เข้ากับพื้นที่ใช้งาน เช่น ประตูหน้าบ้านเน้นความมั่นคง ส่วนประตูห้องน้ำต้องทนต่อความชื้น สำหรับหน้าต่างจะเน้นการรับแสงและช่วยให้อากาศถ่ายเท งานติดตั้งส่วนนี้ควรทำหลังจากฉาบปูนเรียบร้อยแล้ว จากนั้นคือการใส่กระจกกับมุ้งลวดเพื่อป้องกันแมลงกับฝุ่นละออง ต้องตรวจการเปิดปิดให้ใช้งานได้สะดวก ไม่ติดขัด และป้องกันปัญหาน้ำรั่วซึม

งานบันได ต้องติดตั้งให้มีความแข็งแรงและปลอดภัย การออกแบบต้องคำนึงถึงสัดส่วนของขั้นบันได ความกว้าง และการติดตั้งราวจับที่เหมาะสม บันไดคอนกรีตจะแข็งแรงและทนทาน แต่ก็ต้องมีการปิดผิวด้วยวัสดุอื่น เช่น หิน หรือกระเบื้อง

 

ขั้นตอนการสร้างบ้าน 3. ติดตั้งระบบสาธารณูปโภคภายในบ้าน

การติดตั้งระบบสาธารณูปโภค คือขั้นตอนการสร้างบ้านที่สำคัญ เพราะจะกำหนดความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการใช้ชีวิตภายในบ้าน ระบบเหล่านี้รวมถึงระบบไฟฟ้า ระบบประปา ระบบสุขาภิบาล และระบบสื่อสาร จะต้องวางแผนกับดำเนินการอย่างเป็นระบบ ได้แก่

ระบบไฟฟ้าและแสงสว่าง

  1. การติดตั้งระบบไฟฟ้า ต้องเริ่มต้นด้วยการวางแผนการใช้งานในแต่ละห้อง เพื่อกำหนดตำแหน่งของเต้ารับ สวิตช์ และจุดติดตั้งโคมไฟ การแบ่งวงจรไฟฟ้าต้องทำอย่างเหมาะสม โดยแยกวงจรสำหรับแสงสว่าง วงจรสำหรับเต้ารับทั่วไป และวงจรสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้กระแสสูง เช่น เครื่องปรับอากาศ
  2. การเลือกขนาดสายไฟ ต้องเหมาะสมกับปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ใช้ในแต่ละวงจร สายไฟที่เล็กเกินไปอาจทำให้เกิดความร้อนและอันตราย ส่วนสายไฟที่ใหญ่เกินไปจะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น การเดินสายไฟต้องใช้ท่อ PVC เพื่อป้องกันและอำนวยความสะดวกในการซ่อมบำรุง
  3. การติดตั้งระบบสายดิน (Grounding System) คือสิ่งจำเป็นเพื่อความปลอดภัย ระบบนี้จะช่วยปกป้องผู้อยู่อาศัยจากไฟฟ้าลัดวงจรและไฟรั่ว การติดตั้งเบรกเกอร์กับRCBO (Residual Current Circuit Breaker with Overcurrent Protection) จะเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ไฟฟ้า

ระบบประปาและสุขาภิบาล

  1. ระบบประปาภายในบ้าน ประกอบด้วยระบบจ่ายน้ำสะอาดและระบบระบายน้ำเสีย การวางระบบท่อประปาต้องวางแผนให้มีแรงดันน้ำเพียงพอในทุกจุดใช้งาน โดยเฉพาะในชั้นบนของบ้านสองชั้น
  2. ท่อประปา ที่ใช้ทั่วไปคือท่อ PPR (Polypropylene Random) ที่มีคุณสมบัติทนความร้อน ไม่เป็นสนิม และมีอายุการใช้งานยาวนาน การเชื่อมต่อท่อต้องใช้เครื่องมือพิเศษกับความความชำนาญของช่าง เพื่อให้การเชื่อมต่อแน่นหนาและไม่รั่วซึม
  3. ระบบระบายน้ำเสีย ต้องออกแบบให้มีความลาดชันที่เหมาะสม เพื่อให้น้ำเสียไหลได้สะดวกและไม่เกิดการอุดตัน ท่อระบายน้ำเสียควรใช้ท่อ PVC ขนาดใหญ่กับการติดตั้งแมนโฮลตรวจสอบในจุดที่สำคัญ
  4. การติดตั้งถังบำบัดน้ำเสีย คือข้อบังคับของกฎหมายสำหรับบ้านที่ไม่มีระบบท่อระบายน้ำเสียส่วนกลาง ถังบำบัดต้องมีขนาดเหมาะสมกับจำนวนผู้อยู่อาศัยและติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสม

ระบบแก๊สหุงต้ม (ถ้ามี)

การติดตั้งระบบแก๊สหุงต้ม ควรเริ่มต้นด้วยการใช้ท่อทองแดงหรือสแตนเลสที่ได้มาตรฐาน แล้วจัดวางถังแก๊สในบริเวณที่โปร่งกับปลอดภัย ระบบต้องมีวาล์วปิด-เปิด และมาตรวัดแรงดันเพื่อควบคุมการใช้งาน ควรหมั่นทดสอบรอยรั่วด้วยน้ำสบู่หรือเครื่องมือตรวจวัด และติดตั้งพัดลมระบายอากาศในครัว เพื่อช่วยให้อากาศถ่ายเทสะดวก

ระบบสื่อสารและระบบอื่น ๆ

  • ระบบสื่อสาร หมายถึงถึงระบบโทรศัพท์ ระบบอินเทอร์เน็ต และระบบโทรทัศน์ การเดินสาย LAN (Local Area Network) ต้องวางแผนให้ครอบคลุมทุกห้องที่ต้องการใช้อินเทอร์เน็ต สายนี้ควรเป็น CAT 6 หรือสูงกว่า เพื่อรองรับการใช้งานความเร็วสูงในอนาคต
  • ระบบรักษาความปลอดภัย เช่น กล้องวงจรปิด ระบบเตือนภัยขโมย และระบบควบคุมการเข้าออก การเตรียมท่อกับสายไฟสำหรับระบบเหล่านี้ควรทำในขณะที่กำลังก่อสร้าง เพื่อความเรียบร้อยและประหยัดค่าใช้จ่าย
  • ระบบปรับอากาศ ต้องมีการวางแผนการติดตั้งล่วงหน้า ตำแหน่งของตัวเครื่องภายในและภายนอก การเดินท่อน้ำยาแอร์ กับระบบระบายน้ำทิ้งจากเครื่องปรับอากาศ การเตรียมไฟฟ้าเฉพาะสำหรับเครื่องปรับอากาศแต่ละตัวก็เป็นสิ่งจำเป็น

 

ขั้นตอนการสร้างบ้าน 4. การตกแต่งและเก็บรายละเอียด

การตกแต่ง คือขั้นตอนการสร้างบ้านที่ทำให้บ้านมีความสวยและพร้อมสำหรับการเข้าอยู่อาศัย งานส่วนนี้ต้องใช้ความละเอียดกับฝีมือของช่างที่มีประสบการณ์ค่ะ

การปูพื้นด้วยวัสดุต่าง ๆ

การเลือกวัสดุปูพื้นขึ้นอยู่กับการใช้งาน งบที่มี และความชอบส่วนตัว ได้แก่

  • กระเบื้องเซรามิก มีความทนทาน ทำความสะอาดง่าย เหมาะกับห้องน้ำและครัว
  • กระเบื้องยางลายไม้ ติดตั้งง่าย ราคาประหยัดกว่าไม้จริง ดูแลง่าย
  • พื้นไม้ลามิเนต ความสวยใกล้เคียงไม้จริง เหมาะกับห้องนอน
  • พื้นไม้จริง ให้ความหรูหรา ธรรมชาติ อบอุ่น แต่ต้องดูแลรักษา
  • หินอ่อนหรือหินแกรนิต สวยงาม ทนทาน เหมาะกับพื้นที่รับแขก

การติดตั้งวัสดุปูพื้นต้องเตรียมพื้นผิวให้เรียบเสมอกัน และใช้กาวหรือวัสดุยึดที่มีคุณภาพ

การทาสีรองพื้นกับสีจริง สำหรับผนังและฝ้า

งานทาสีเป็นขั้นตอนที่ทำให้บ้านมีสีสันและบรรยากาศตามที่ต้องการ การเตรียมผิวผนังก่อนทาสีเป็นสิ่งสำคัญมาก ต้องขัดผิวให้เรียบ เก็บฝุ่นออกให้หมด และอุดรูตะปูหรือรอยบุ๋มด้วยพาสต์อุดรู

  1. การทาสีรองพื้น (Primer) ขั้นตอนที่ไม่ควรมองข้าม เพราะจะช่วยให้สีทาบติดผนังได้ดีและทนนาน การเลือกสีรองพื้นต้องเหมาะสมกับประเภทผนังและสีที่จะทา สำหรับผนังคอนกรีตใหม่ ควรใช้สีรองพื้นกันด่างเพื่อป้องกันการแกะลอกของสี
  2. การทาสีจริง ต้องทา 2-3 ชั้น โดยรอให้แต่ละชั้นแห้งสนิทก่อนทาชั้นถัดไป การใช้ลูกกลิ้งที่มีคุณภาพจะช่วยให้ผิวสีเรียบเนียนและสม่ำเสมอ สำหรับงานรายละเอียด เช่น มุมผนังหรือบริเวณประตูหน้าต่าง ควรใช้พู่กันขนาดเหมาะสม

การเลือกใช้สีให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติ และวิธีการใช้งานของสีแต่ละประเภท ได้แก่

ประเภทสี ข้อดี การใช้งาน ราคา
สีน้ำอะครีลิค แห้งเร็ว ไร้กลิ่น ผนังทั่วไป ปานกลาง
สีน้ำมัน ทนทาน สีสวย ไม้และเหล็ก สูง
สีซีเมนต์ กันความชื้น ผนังนอกอาคาร ถูก

การติดตั้งสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ในห้องน้ำห้องครัว

  1. ห้องน้ำ ต้องดำเนินการหลังจากงานปูกระเบื้องเสร็จสิ้น สุขภัณฑ์ที่ต้องติดตั้ง ได้แก่ โถปัสสาวะ อ่างล้างหน้า ฝักบัว อ่างอาบน้ำ และอุปกรณ์ประกอบต่าง ๆ การเลือกสุขภัณฑ์ต้องพิจารณาทั้งความสวยงาม คุณภาพ และความเหมาะสมกับพื้นที่
  2. ห้องครัว การติดตั้งซิงก์ล้างจาน เตาแก๊ส เครื่องดูดควัน และตู้ครัวต้องทำอย่างเป็นระบบ ตำแหน่งของแต่ละอุปกรณ์ต้องสะดวกต่อการใช้งาน มีการเชื่อมต่อกับระบบประปา ไฟฟ้า และแก๊สอย่างถูกต้อง

การติดตั้งอุปกรณ์ต้องใช้ช่างที่มีความชำนาญ โดยเฉพาะการต่อท่อน้ำและท่อแก๊ส ที่ต้องได้รับการทดสอบความปลอดภัยก่อนการใช้งานจริง การรั่วซึมของน้ำหรือแก๊สอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ค่ะ

การติดตั้งบานประตูและหน้าต่าง

  1. การติดตั้งบานประตูและหน้าต่าง ต้องปฏิบัติอย่างระมัดระวัง เพื่อให้มีความแข็งแรงและการทำงานที่ราบรื่น การตรวจเช็คขนาดของช่องเปิดต้องทำอย่างละเอียด ถ้าช่องเปิดไม่ตรงกับขนาดของบานประตูหน้าต่าง อาจต้องมีการปรับแต่ง
  2. การติดตั้งวงกบ ต้องใช้ระดับน้ำกับฉาก เพื่อให้วงกบตั้งฉากและได้ระดับ การยึดวงกบกับผนังต้องใช้พลักไฟเบอร์กับสกรูที่เหมาะสม จำนวนจุดยึดต้องเพียงพอเพื่อรับน้ำหนักของบาน
  3. การติดตั้งลูกบิดประตู บานพับ และอุปกรณ์ประกอบอื่น ๆ ต้องทำอย่างเรียบร้อย การปรับตั้งบานให้เปิดปิดได้ราบรื่นและไม่มีเสียงดัง การติดตั้งซีลกันน้ำกับลมเพื่อประหยัดพลังงาน

การทำความสะอาดพื้นที่ก่อสร้างทั้งหมด

การทำความสะอาด คือสิ้งสุดท้ายของขั้นตอนการสร้างบ้านให้พร้อมสำหรับการเข้าอยู่อาศัย โดยมีวิธีการทำความสะอาด ดังนี้

  1. การเก็บเศษวัสดุก่อสร้างและขยะต่าง ๆ ออกจากพื้นที่
  2. การทำความสะอาดผนัง ฝ้าเพดาน และพื้น ต้องใช้น้ำยาทำความสะอาดที่เหมาะสมกับแต่ละประเภทผิว
  3. การใช้เครื่องดูดฝุ่น ช่วยขจัดฝุ่นละอองที่ฟุ้งกระจายระหว่างการก่อสร้าง
  4. การเช็ดกระจกและอุปกรณ์สแตนเลสให้เป็นเงา ต้องใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์และน้ำยาเฉพาะ
  5. การตรวจสอบและทำความสะอาดระบบต่าง ๆ เช่น การล้างท่อประปา การทดสอบระบบไฟฟ้า แลตรวจการทำงานของอุปกรณ์ต่าง ๆ ต้องทำก่อนการส่งมอบ
  6. การบำรุงรักษาเบื้องต้น เช่น การใส่น้ำมันบานพับ หรือการปรับแต่งอุปกรณ์

 

ขั้นตอนการสร้างบ้าน 5. การตรวจสอบและส่งมอบบ้านก่อนเข้าอยู่

หลังจากขั้นตอนการสร้างบ้านเสร็จสิ้น การตรวจรับงานก่อนส่งมอบให้เจ้าของบ้าน คือกระบวนการสุดท้ายที่ชี้วัดความสำเร็จของโครงการ การตรวจสอบทุกจุดอย่างละเอียดจะช่วยป้องกันข้อบกพร่อง ลดความกังวลในการอยู่อาศัย และข้อร้องเรียนภายหลังได้ค่ะ

การตรวจสอบคุณภาพงานโครงสร้าง

การตรวจสอบโครงสร้าง ต้องดำเนินการโดยวิศวกรโครงสร้างหรือผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่

  1. ตรวจฐานรากและเสาเข็ม ต้องมีความแข็งแรงและถูกต้องตามแบบแปลน
  2. การตรวจเสา คาน พื้นชั้น ต้องครอบคลุมทั้งขนาด ตำแหน่ง และคุณภาพของคอนกรีต
  3. เช็ครอยแตกหรือรอยร้าวในโครงสร้าง ต้องทำอย่างละเอียด ถ้าพบรอยแตกที่ผิดปกติ ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินและแก้ไขก่อนการส่งมอบ
  4. การตรวจสอบระดับและความเสมอของพื้นกับผนัง ด้วยเครื่องมือที่แม่นยำ

การทดสอบระบบสาธารณูปโภค

  1. ระบบไฟฟ้ ตรวจเช็คการทำงานของเบรกเกอร์ เต้ารับ สวิตช์ และระบบสายดินทั้งหมด มีการใช้มัลติมิเตอร์เพื่อวัดค่าแรงดันกับกระแสไฟฟ้าในวงจรต่าง ๆ และทดลองการทำงานของอุปกรณ์ตัดไฟรั่วอย่าง RCBO หรือ RCD เพื่อยืนยันความปลอดภัย
  2. ระบบประปา ตรวจเช็คแรงดันน้ำในทุกจุดใช้งาน และสำรวจการรั่วซึมตามท่อกับข้อต่อต่าง ๆ ส่วนระบบน้ำร้อนจะทดลองการทำงานกับวัดอุณหภูมิให้ได้ค่าที่พอดี สำหรับการระบายน้ำเสีย จะทดลองปล่อยน้ำปริมาณมากเพื่อสังเกตการไหลและหาจุดอุดตัน
  3. ระบบปรับอากาศ จะตรวจเช็คโดยการทดลองเปิดใช้งานเครื่องปรับอากาศทุกตัว เพื่อดูประสิทธิภาพความเย็น ตรวจหาการรั่วซึมของน้ำยาแอร์ และสังเกตการระบายน้ำทิ้งว่าทำงานปกติ
  4. ระบบสื่อสารและอินเทอร์เน็ต จะทดสอบความแรงของสัญญาณและความเร็วในการส่งข้อมูล เพื่อให้แน่ใจว่าการเชื่อมต่อมีประสิทธิภาพพร้อมใช้งาน

การตรวจสอบงานตกแต่งและรายละเอียด

รายการตรวจสอบ สิ่งที่ต้องสังเกต เครื่องมือและแนวทางตรวจสอบ
งานสี ความเรียบเนียนของผิวงาน และสีที่ทาต้องมีความสม่ำเสมอ ไม่มีรอยขนแปรง
ใช้ไฟฉายส่องในมุมเฉียง เพื่อดูความเรียบและร่องรอยต่าง ๆ
งานพื้น การเรียงตัวของวัสดุ ระดับพื้นที่เสมอกัน และการเก็บขอบมุมที่เรียบร้อย
ใช้อุปกรณ์วัดระดับน้ำ เพื่อดูความเสมอกันและการลาดเอียงของพื้น
ระบบไฟฟ้า ตำแหน่งของสวิตช์ และปลั๊กไฟตรงตามแบบที่กำหนดไว้
ใช้ปลั๊กทดสอบ เพื่อดูการทำงานและแรงดันไฟฟ้าที่ถูกต้อง
รอยรั่วซึม คราบน้ำหรือรอยความชื้นตามผนัง ฝ้าเพดาน หรือขอบมุมต่าง ๆ
ใช้ไฟฉายและกระจกส่องสำรวจในบริเวณที่เข้าถึงยาก
การติดตั้งอุปกรณ์ การทำงานของเครื่องใช้ทุกชิ้นต้องปกติ และการติดตั้งมีความมั่นคงแข็งแรง
ทดลองเปิดใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้า และสุขภัณฑ์ทุกชิ้น
การดูแลความสะอาด พื้นที่โดยรวมต้องไม่มีเศษวัสดุจากการก่อสร้าง และคราบสกปรกตกค้าง
สำรวจความเรียบร้อยของพื้นที่ทั้งหมดหลังการทำความสะอาด

การจัดทำรายการปัญหาและการแก้ไข

  1. การบันทึกข้อมูลปัญหา ระบุตำแหน่งและลักษณะของปัญหา พร้อมถ่ายภาพเก็บไว้เป็นหลักฐาน
  2. จัดลำดับงานแก้ไข แบ่งแยกรายการที่ต้องดำเนินการเร่งด่วนออกจากรายการทั่วไป
  3. กำหนดกรอบเวลา ตกลงเรื่องระยะเวลาสำหรับซ่อมแซมแต่ละรายการกับผู้รับเหมา
  4. ติดตามและตรวจงาน หมั่นเข้ามาเช็คผลการซ่อมแซม เพื่อให้มั่นใจว่างานเสร็จสิ้นเรียบร้อย

ขั้นตอนการรับมอบอย่างเป็นทางการ

  1. การลงนามในเอกสารรับมอบ หลังจากตรวจสอบคุณภาพงานจนเป็นที่พอใจและทุกอย่างได้รับการแก้ไขเรียบร้อย
  2. การรับมอบเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น แบบแปลน คู่มือการใช้งาน และใบรับประกันต่าง ๆ
  3. การส่งมอบกุญแจและรีโมทควบคุม พร้อมชุดสำรองสำหรับใช้งาน
  4. การให้คำแนะนำเรื่องการดูแลรักษา และวิธีการบำรุงรักษาในเบื้องต้น
  5. การนัดหมายเพื่อรับบริการหลังการขาย สำหรับรองรับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

 

สรุป

ขั้นตอนการสร้างบ้าน คือกระบวนการที่ละเอียดอ่อนและเชื่อมโยงกัน ตั้งแต่การวางแผนช่วงแรก การดำเนินงานโครงสร้าง งานสถาปัตยกรรมและระบบต่าง ๆ จนถึงการตกแต่งเพื่อส่งมอบ ความสำเร็จของโครงการขึ้นอยู่กับการวางแผนที่รัดกุม การเลือกผู้รับเหมาที่น่าเชื่อถือ การใช้วัสดุมีคุณภาพ และการควบคุมงานอย่างใกล้ชิด

เจ้าของบ้านควรมีส่วนร่วมและตรวจคุณภาพงานก่อสร้างทุกขั้นตอน เพราะบ้านคือรากฐานของการใช้ชีวิตและความปลอดภัยของครอบครัวในอนาคตค่ะ


บทความที่เกี่ยวข้อง
พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร สำหรับเจ้าของบ้านและผู้รับเหมา
ข้อควรรู้ พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร สำหรับผู้ที่ต้องการก่อสร้างหรือต่อเติมบ้าน พร้อมขั้นตอนการแจ้งตามมาตรา 39 ทวิ และบทลงโทษถ้าละเมิดกฎหมายควบคุมอาคาร
22 ส.ค. 2025
5 แหล่งเช็ค ราคาวัสดุก่อสร้าง ภาครัฐที่ผู้รับเหมาควรรู้ก่อนเริ่มงาน
ผู้รับเหมาต้องรู้ ! ราคาวัสดุก่อสร้าง จากหน่วยงานภาครัฐ 5 แหล่ง เพื่อประมาณต้นทุนโครงการตาม ราคาวัสดุก่อสร้างส่วนกลาง และแนวโน้ม ราคากลางงานก่อสร้าง ปี 2568
22 ส.ค. 2025
7 ข้อแตกต่างระหว่าง งานช่างก่อสร้าง และ งานช่างโยธา ที่ควรรู้
เปรียบเทียบความต่างของ งานช่างก่อสร้าง และ งานช่างโยธา ทั้ง 7 ด้าน ช่วยให้คุณวางแผนเส้นทางอาชีพได้ตรงตามความต้องการ
29 ก.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy