3 ขั้นตอนในการเลือกซื้อ หลังคาบ้าน ให้เหมาะสมกับการใช้งาน
S.J.Building สรุปให้
-
หลังคาบ้าน มี 6 รูปแบบหลัก ได้แก่ ทรงจั่ว ปั้นหยา เพิงหมาแหงน ทรงมนิลา ทรงโมเดิร์น และทรงผสม
-
วัสดุมุงหลังคามีหลายชนิด ทั้งกระเบื้องคอนกรีต กระเบื้องเซรามิก เมทัลชีท แอสฟัลต์ชิงเกิล โดยแต่ละชนิดมีจุดเด่นกับจุดด้อยที่ต่างกัน
-
การเลือกสีหลังคาให้ดูจากสถาปัตยกรรมบ้าน สภาพอากาศ และความชอบส่วนตัว
-
หลังคาที่กันความร้อนได้ดี ช่วยลดการใช้พลังงานในบ้านได้ถึง 20-30%
-
ค่าใช้จ่ายในการทำหลังคาบ้านเฉลี่ย 800-3,000 บาทต่อตารางเมตร ขึ้นอยู่กับวัสดุและรูปแบบที่เลือก
หลังคาบ้าน องค์ประกอบหลักที่ช่วยปกป้องตัวบ้านกับผู้อยู่อาศัย จากสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมภายนอก การเลือกหลังคาที่เหมาะกับความต้องการช่วยเพิ่มความสวยงาม ความทนทาน การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้ค่ะ
บทความนี้ S.J.Building ขอแนะนำ 3 ขั้นตอนในการเลือกซื้อหลังคาบ้านให้เหมาะกับการใช้งาน พร้อมข้อมูลเกี่ยวกับประเภท วัสดุ การเลือกสี คุณสมบัติด้านพลังงาน ค่าใช้จ่าย และโครงสร้างของหลังคาค่ะ
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- S.J.Building สรุปให้
- หลังคาบ้าน บ้านมีกี่ประเภท แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร ?
- เปรียบเทียบคุณสมบัติของวัสดุมุง หลังคาบ้าน แต่ละชนิด
- หลักการเลือก สีหลังคาบ้าน ให้เข้ากับตัวบ้าน
- คุณสมบัติของ หลังคาบ้าน ที่ช่วยลดความร้อนและประหยัดพลังงาน
- การประเมินค่าใช้จ่ายในการทำ หลังคาบ้าน
หลังคาบ้าน บ้านมีกี่ประเภท แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร ?
หลังคาบ้าน ในประเทศไทยมี 6 รูปแบบหลัก แต่ละแบบมีลักษณะเฉพาะตัว ข้อดีกับข้อจำกัดที่ต่างกัน การตัดสินใจเลือกใช้หลังคาแบบไหนจะขึ้นกับสภาพภูมิอากาศ รูปแบบตัวบ้าน และค่าใช้จ่ายที่กำหนดไว้ ได้แก่
- หลังคาทรงจั่ว มีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมสองด้านประกบกัน พบมากในประเทศไทยเพราะระบายน้ำฝนได้ดี เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น และสร้างง่าย ช่วยให้มีพื้นที่ใต้หลังคากว้างขวาง แต่อาจไม่ทนทานต่อลมแรงเท่ารูปแบบอื่น
- หลังคาปั้นหยา คล้ายกับทรงจั่วแต่มีด้านลาดเอียงทั้ง 4 ด้าน ทนทานต่อลมแรงได้ดี เหมาะสำหรับบ้านในพื้นที่ที่มีลมแรง แต่มีราคาสูงกว่าและพื้นที่ใต้หลังคาน้อยกว่า
- หลังคาเพิงหมาแหงน มีลักษณะลาดเอียงด้านเดียว ใช้กับบ้านสมัยใหม่ อาคารเสริม หรือโรงรถ ข้อดีคือสร้างง่าย ราคาถูก แต่อาจไม่เหมาะกับพื้นที่ที่มีฝนตกหนักเพราะการระบายน้ำไม่ดีเท่าทรงอื่น
- หลังคาทรงมนิลา มีลักษณะเป็นหลังคาสองชั้น ชั้นล่างลาดชันมาก ชั้นบนลาดน้อย ให้พื้นที่ใช้สอยใต้หลังคามาก พบในบ้านสไตล์ยุโรป แต่มีต้นทุนการสร้างสูงและซ่อมแซมยาก
- หลังคาทรงโมเดิร์น มีลักษณะแบนราบหรือลาดเอียงเล็กน้อย พบในบ้านสไตล์โมเดิร์น ข้อดีคือสามารถใช้พื้นที่บนหลังคาทำเป็นสวนหรือพื้นที่พักผ่อนได้ แต่ต้องระวังเรื่องการรั่วซึมและต้องมีระบบระบายน้ำที่ดี
-
หลังคาทรงผสม คือการผสมผสานระหว่างหลังคาหลายรูปแบบ ให้ความสวยกับความหลากหลายในการใช้งาน แต่มีความซับซ้อนในการสร้างและราคาสูง
เปรียบเทียบคุณสมบัติของวัสดุมุง หลังคาบ้าน แต่ละชนิด
การเลือกวัสดุมุงหลังคาบ้านมีผลต่อความทนทาน รูปทรง และการป้องกันความร้อนให้ตัวบ้าน สำหรับในประเทศไทยมีวัสดุก่อสร้างให้เลือกใช้หลายแบบ แต่ละแบบก็มีข้อดีกับข้อจำกัดที่ต่างกัน ดังนี้
วัสดุมุงหลังคา | อายุการใช้งาน (ปี) | ข้อดี | ข้อจำกัด | ราคาประมาณ (บาท/ตร.ม.) |
---|---|---|---|---|
กระเบื้องคอนกรีต | 30-50 |
|
|
180-350 |
กระเบื้องเซรามิก | 50-70 |
|
|
300-800 |
กระเบื้องซีเมนต์ใยหิน | 15-30 |
|
|
100-250 |
เมทัลชีท | 20-40 |
|
|
250-600 |
แอสฟัลต์ชิงเกิล | 20-30 |
|
|
350-700 |
กระเบื้องไฟเบอร์ซีเมนต์ | 25-40 |
|
|
220-400 |
หลังคาเหล็กรีดลอน | 30-50 ปี |
|
|
280-550 |
ปัจจัยสำหรับการเลือกวัสดุมุงหลังคาบ้าน
- สภาพภูมิอากาศในพื้นที่ พื้นที่ฝนตกชุกต้องใช้วัสดุทนความชื้นและระบายน้ำได้ดี พื้นที่อากาศร้อนเลือกวัสดุที่สะท้อนความร้อนได้ดี
- รูปแบบและความลาดเอียงของหลังคา เช่น แอสฟัลต์ชิงเกิลเหมาะกับหลังคาลาดชันสูง เมทัลชีทใช้ได้กับหลังคาลาดชันน้อย
- โครงสร้างรองรับ เช่น กระเบื้องเซรามิกมีน้ำหนักมาก ต้องใช้โครงสร้างบ้านที่แข็งแรงกว่าวัสดุน้ำหนักเบา
- งบที่มี ควรดูทั้งราคาเริ่มต้นกับค่าบำรุงรักษาระยะยาว วัสดุราคาถูกบางชนิดมีอายุการใช้งานสั้นและต้องซ่อมแซมบ่อย
-
การบำรุงรักษา เช่น กระเบื้องเซรามิกต้องการการดูแลน้อย บางวัสดุต้องทาสีหรือเคลือบผิวใหม่เป็นระยะ
หลักการเลือก สีหลังคาบ้าน ให้เข้ากับตัวบ้าน
การเลือกสีหลังคาบ้านส่งผลต่อความสวยโดยรวมของบ้าน และการดูดซับความร้อน สีหลังคาที่ดีต้องเข้ากันได้ทั้งด้านความสวยงามและการใช้งาน โดยมีหลักการเลือกดังนี้
1. สถาปัตยกรรมของบ้าน
เพื่อให้องค์ประกอบทั้งหมดส่งเสริมกันและกัน ควรเลือกสีหลังคาให้เข้ากับสไตล์ของบ้าน เช่น
- บ้านสไตล์โมเดิร์น สีเทา สีดำ สีขาว เน้นความเรียบง่ายและทันสมัย
- บ้านสไตล์ร่วมสมัย ใช้ได้ทั้งสีเข้มและสีอ่อน
- บ้านสไตล์คลาสสิก สีน้ำตาลอิฐ สีเทอร์ราคอตตา สีน้ำตาลเข้ม
-
บ้านสไตล์ทรอปิคอล สีเขียว สีฟ้า สีน้ำตาลอ่อน ช่วยเสริมบรรยากาศเขตร้อน
2. สัมพันธ์กับสีผนังบ้าน
การจับคู่สีหลังคากับสีผนังเพื่อสร้างภาพรวมที่ลงตัว มีหลักการพื้นฐานในการสร้างความสัมพันธ์ของสีได้หลายแนวทาง ได้แก่
- หลักการตัดกัน เลือกสีหลังคาที่ตัดกับสีผนังเพื่อสร้างความโดดเด่น เช่น ผนังสีขาวกับหลังคาสีเข้ม
- หลักการกลมกลืน เลือกสีหลังคาในโทนเดียวกับผนังเพื่อความนุ่มนวล เช่น ผนังสีครีมกับหลังคาสีน้ำตาลอ่อน
-
หลักการเสริม เลือกสีหลังคาที่เสริมสีผนังให้โดดเด่นขึ้น เช่น ผนังสีเหลืองอ่อนกับหลังคาสีน้ำเงินเข้ม
3. สภาพภูมิอากาศ
เฉดสีหลังคาบ้านมีผลต่ออุณหภูมิภายในบ้านผ่านการสะท้อนและดูดซับความร้อน
- สีอ่อน (ขาว เทาอ่อน ครีม) สะท้อนความร้อนได้ดี เหมาะกับพื้นที่อากาศร้อน ช่วยลดการใช้พลังงานในการทำความเย็น
-
สีเข้ม (ดำ น้ำตาลเข้ม น้ำเงินเข้ม) ดูดซับความร้อนได้มาก เหมาะกับพื้นที่อากาศเย็น แต่ในประเทศไทยอาจทำให้บ้านร้อนขึ้นได้
4. สภาพแวดล้อมโดยรอบ
การเลือกสีหลังคาบ้านให้เข้ากับย่านที่พักอาศัย ควรพิจารณาความกลมกลืนกับบ้านเรือนข้างเคียง ควบคู่กับการตรวจสอบข้อกำหนดของโครงการ เพราะบางพื้นที่มีการกำหนดโทนสีที่อนุญาตไว้
เทคนิคช่วยเลือกสีหลังคาบ้านที่เหมาะสม
- ปัจจุบันมีแอพช่วยจำลองสีหลังคาบนรูปบ้าน ทำให้เห็นภาพรวมก่อนตัดสินใจ
- ก่อนตัดสินใจซื้อ ขอตัวอย่างวัสดุหลังคาในสีที่สนใจมาดูในแสงธรรมชาติที่บ้าน
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอย่างสถาปนิกหรือนักออกแบบ เพื่อขอคำแนะนำเรื่องสีที่เข้ากับบ้าน
-
ดูตัวอย่างบ้านจริง การดูบ้านที่มีสีหลังคาที่สนใจจะช่วยให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น
คุณสมบัติของ หลังคาบ้าน ที่ช่วยลดความร้อนและประหยัดพลังงาน
ในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย หลังคาบ้านที่ป้องกันความร้อนได้นั้นมีความจำเป็น เพราะช่วยลดการใช้พลังงานเพื่อทำความเย็น ลดค่าไฟฟ้า และยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
1. ค่าการสะท้อนรังสีอาทิตย์ (Solar Reflectance)
ค่าการสะท้อนรังสีอาทิตย์ หรือ "ค่า SR" คือความสามารถของวัสดุในการสะท้อนรังสีอาทิตย์ ยิ่งค่า SR สูง ยิ่งสะท้อนรังสีอาทิตย์ได้มาก ทำให้หลังคาร้อนน้อยลง
-
หลังคาสีอ่อน มีค่า SR สูงกว่าหลังคาสีเข้ม สะท้อนรังสีอาทิตย์ได้ถึง 65-80%
-
หลังคาสีเข้ม มีค่า SR ต่ำ สะท้อนรังสีอาทิตย์ได้เพียง 5-20% ทำให้ดูดซับความร้อนมากกว่า
-
หลังคาเย็น (Cool Roof) ออกแบบมาเพื่อสะท้อนรังสีอาทิตย์ได้มากกว่าหลังคาทั่วไป แม้จะเป็นสีเข้ม แต่มีการเคลือบสารพิเศษที่ช่วยเพิ่มค่า SR
2. ค่าการแผ่รังสีความร้อน (Thermal Emittance)
ค่าการแผ่รังสีความร้อน หรือ "ค่า TE" คือความสามารถของวัสดุในการคายความร้อนที่ดูดซับไว้ออกสู่บรรยากาศ ยิ่งค่า TE สูง ยิ่งคายความร้อนได้เร็ว ทำให้หลังคาเย็นลงเร็วขึ้น
-
วัสดุหลังคาที่มีค่า TE สูง (0.85-0.95) เช่น กระเบื้องคอนกรีต กระเบื้องเซรามิก จะคายความร้อนได้ดี
-
วัสดุโลหะมีค่า TE ต่ำ (0.05-0.25) ทำให้คายความร้อนได้ช้า แต่ปัจจุบันมีการพัฒนาเมทัลชีทที่มีการเคลือบสารพิเศษเพื่อเพิ่มค่า TE ให้สูงขึ้น
3. ฉนวนกันความร้อน (Insulation)
ฉนวนกันความร้อนที่ใช้กับหลังคาบ้าน ช่วยลดการถ่ายเทความร้อนจากหลังคาสู่ภายในบ้าน มีหลายประเภท ได้แก่
-
ฉนวนใยแก้ว มีค่า R-Value (ค่าความต้านทานความร้อน) ประมาณ 2.2-4.3 ต่อนิ้ว ราคาไม่แพง ติดตั้งง่าย แต่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวหนังและทางเดินหายใจ
-
ฉนวนใยหิน มีค่า R-Value ประมาณ 3.0-3.3 ต่อนิ้ว ทนไฟได้ดี ดูดซับเสียงได้ดี แต่ราคาสูงกว่าใยแก้ว
-
ฉนวนโพลีสไตรีน มีค่า R-Value ประมาณ 3.8-5.0 ต่อนิ้ว น้ำหนักเบา ทนความชื้นได้ดี แต่ไม่ทนไฟ
-
ฉนวนโพลียูรีเทน มีค่า R-Value สูงถึง 6.0-6.5 ต่อนิ้ว ประสิทธิภาพสูงสุดแต่ราคาก็สูงตามไปด้วย
-
แผ่นสะท้อนความร้อน เป็นแผ่นฟอยล์อลูมิเนียมที่ติดตั้งใต้หลังคาเพื่อสะท้อนรังสีความร้อน ลดความร้อนที่เข้าสู่บ้านได้ถึง 25%
4. ช่องระบายอากาศใต้หลังคา (Roof Ventilation)
การระบายอากาศใต้หลังคา ปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความร้อนสะสมในบ้าน มีรูปแบบดังนี้
-
ช่องระบายอากาศที่จั่วหลังคา เป็นช่องเปิดตามแนวสันหลังคา ช่วยให้อากาศร้อนลอยตัวออกไปจากใต้หลังคา
-
ช่องระบายอากาศที่เชิงชาย เป็นช่องเปิดที่ชายคา ช่วยให้อากาศเย็นไหลเข้าสู่ใต้หลังคา
-
พัดลมระบายอากาศใต้หลังคา ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายอากาศร้อนออกจากใต้หลังคา
การเลือกหลังคาบ้านที่มีคุณสมบัติช่วยลดความร้อนที่เหมาะสมสามารถช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้านได้ถึง 3-5 องศาเซลเซียส ลดการใช้พลังงานในการทำความเย็นได้ 20-30% ช่วยลดค่าไฟฟ้าและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอีกด้วยค่ะ
การประเมินค่าใช้จ่ายในการทำ หลังคาบ้าน
ค่าใช้จ่ายรวมในการทำหลังคาบ้านมีองค์ประกอบหลายส่วนนอกจากราคาวัสดุมุงหลังคา การทำความเข้าใจส่วนประกอบเหล่านี้ช่วยให้วางแผนการก่อสร้างหรือซ่อมแซมได้ชัดเจนขึ้น ลองพิจารณาข้อมูลเปรียบเทียบในตารางต่อไปนี้
รายการ | ประเภทของวัสดุ | ราคาโดยประมาณ (บาท) |
---|---|---|
วัสดุมุงหลังคา |
|
|
โครงสร้างหลังคา |
|
|
อุปกรณ์ประกอบ |
|
|
ค่าแรงงาน |
|
|
วิธีการประเมินค่าใช้จ่ายเบื้องต้น
1. คำนวณพื้นที่หลังคา
-
หลังคาความลาดเอียง 15 องศา พื้นที่หลังคา = พื้นที่บ้าน × 1.04
-
หลังคาความลาดเอียง 30 องศา พื้นที่หลังคา = พื้นที่บ้าน × 1.15
-
หลังคาความลาดเอียง 45 องศา พื้นที่หลังคา = พื้นที่บ้าน × 1.41
2. คำนวณค่าใช้จ่ายรวม
-
ค่าวัสดุมุงหลังคา = พื้นที่หลังคา × ราคาวัสดุต่อตร.ม.
-
ค่าโครงสร้าง = พื้นที่หลังคา × ราคาโครงสร้างต่อตร.ม.
-
ค่าอุปกรณ์ประกอบ = คำนวณตามปริมาณที่ใช้จริง
-
ค่าแรงงาน = พื้นที่หลังคา × อัตราค่าแรงต่อตร.ม.
3. เผื่อค่าใช้จ่ายไม่คาดคิด ควรเผื่อค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมประมาณ 10-20%
ปัจจัยที่มีผลต่อค่าใช้จ่าย
-
ความซับซ้อนของรูปทรงหลังคาบ้าน เพราะหลังคาที่มีรูปทรงซับซ้อน มีหลายระดับ หรือมีมุมหักหลายจุด จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าหลังคาทรงเรียบง่าย
-
พื้นที่กับตำแหน่งที่ตั้ง บ้านที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลอาจมีค่าขนส่งวัสดุและค่าแรงสูงกว่า
-
ฤดูกาล การก่อสร้างในช่วงฤดูฝนอาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าและใช้เวลานานกว่า
-
กรณีเปลี่ยนหลังคาเก่า จะมีค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนและกำจัดวัสดุเพิ่มขึ้น
การวางแผนค่าใช้จ่ายอย่างรอบคอบกับการเปรียบเทียบราคาจากผู้รับเหมาหลายราย ช่วยให้ได้หลังคาบ้านที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม ควรพิจารณาถึงคุณภาพ การรับประกัน และความน่าเชื่อถือของผู้รับเหมาเป็นสำคัญ ไม่ควรเลือกวัสดุหรือผู้รับเหมาที่ราคาถูกที่สุดเสมอไปค่ะ
สรุป
การเลือก หลังคาบ้าน คือการลงทุนเพื่ออนาคตที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตกับค่าใช้จ่ายในในการดูแล การตัดสินใจควรเริ่มจากการพิจารณาประเภทวัสดุตามคุณสมบัติที่ต้องการ ทั้งความทนทาน น้ำหนัก การป้องกันความร้อนและเสียง ต่อมาคือการเลือกสีสันและรูปแบบให้สอดคล้องกับตัวบ้าน โดยสีโทนอ่อนจะช่วยสะท้อนความร้อนได้มากกว่าสีโทนเข้ม
การวางแผนค่าใช้จ่ายต้องมองภาพรวมทั้งหมด ตั้งแต่ค่าวัสดุ ค่าโครงสร้าง ค่าแรงติดตั้ง จนถึงส่วนประกอบเสริมอย่างฉนวนกันความร้อน การลงทุนกับหลังคาบ้านคุณภาพสูงในช่วงแรก เป็นการลดภาระค่าบำรุงรักษาและค่าพลังงานในอนาคต
นอกจากนี้ สภาพภูมิอากาศของพื้นที่และลักษณะการใช้งานของอาคารก็เป็นปัจจัยที่ต้องนำมาประกอบการตัดสินใจ เพื่อให้ได้หลังคาที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยค่ะ