แชร์

การเลือกใช้ อิฐ สำหรับผนังภายนอกและภายในอาคาร พร้อมขั้นตอนการก่อ

อัพเดทล่าสุด: 8 ก.ค. 2025
25 ผู้เข้าชม

S.J.Building สรุปให้

  • อิฐ คือวัสดุก่อสร้างพื้นฐานที่ใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณ มีหลายประเภท เช่น อิฐมอญ อิฐบล็อก อิฐมวลเบา อิฐขาว

  • อิฐมอญหรืออิฐแดง เหมาะสำหรับงานผนังภายนอก มีความแข็งแรงทนทาน เหมาะกับการเจาะยึดวัสดุ แต่มีน้ำหนักมากและสะสมความร้อน

  • อิฐบล็อก ราคาถูกที่สุด เหมาะสำหรับงานก่อสร้างที่ต้องการลดต้นทุน ก่อได้รวดเร็ว แต่ไม่เหมาะกับผนังห้องน้ำเพราะมีโอกาสรั่วซึมสูง

  • อิฐมวลเบา มีน้ำหนักเบา เป็นฉนวนกันความร้อนที่ดี เหมาะกับห้องนอนและห้องนั่งเล่น

  • อิฐขาว ผลิตจากปูนขาวผสมทราย ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ทดแทนอิฐประเภทอื่น และมีราคาสูงกว่าอิฐประเภทอื่น

  • ขั้นตอนการก่ออิฐที่ถูกต้องเริ่มจากการเตรียมพื้นที่ เตรียมอิฐ ผสมปูนตามอัตราส่วน ก่ออิฐตามแนวและระดับ บ่มผนังให้ชุ่มชื้นอย่างสม่ำเสมอ


อิฐ วัสดุก่อสร้างที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ปรากฏในการก่อสร้างสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ทั้งกำแพงเมือง ปราสาท และวัดวาอารามมาตั้งแต่อาณาจักรละโว้กับทวาราวดี สมัยสุโขทัย จนถึงปัจจุบัน เพราะมีคุณสมบัติหลากหลายที่ยังคงตอบสนองความต้องการในงานก่อสร้างสมัยใหม่

บทความจาก S.J.Building จะพาไปทำความรู้จักอิฐก่อสร้างแต่ละชนิด เจาะลึกคุณสมบัติ ข้อดีข้อเสีย แนวทางการเลือกใช้ พร้อมแนะนำขั้นตอนการก่ออิฐ เพื่อสร้างผนังที่แข็งแรงและคงทน

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

อิฐ คืออะไร ?

อิฐ คือวัสดุก่อสร้างสำหรับผนัง รั้ว โครงสร้างอาคาร มีส่วนประกอบหลักจากดินเหนียว ทราย และส่วนผสมอื่นตามสูตรของแต่ละชนิด กระบวนการผลิตเริ่มจากการขึ้นรูปตามขนาดที่ต้องการ แล้วทำให้แข็งตัวด้วยวิธีตากแห้ง การเผา หรือการอบไอน้ำสำหรับอิฐมวลเบา

ประวัติการใช้อิฐในไทยมีมายาวนาน โดยเฉพาะสมัยอยุธยาที่เปลี่ยนมาใช้อิฐแทนไม้ในการสร้างกำแพงเมือง เพื่อเพิ่มความคงทนแข็งแรงต่อการรุกราน ด้วยคุณสมบัติความทนทานนี้ ทำให้อิฐกลายเป็นวัสดุสำคัญในการก่อสร้างและมีการพัฒนารูปแบบมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันค่ะ

 

ชนิดของอิฐก่อสร้าง ที่ใช้ในงานสถาปัตยกรรม

อิฐก่อสร้างที่ใช้ในงานสถาปัตยกรรมมีหลายประเภท แต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกัน ได้แก่

1. อิฐมอญหรืออิฐแดง

อิฐมอญ หรือ อิฐแดง คือวัสดุก่อสร้างแบบธรรมชาติที่พบได้ง่าย ทำมาจากทราย ดินเหนียว ขี้เถ้าแกลบ น้ำสะอาด โดยนำดินเหนียวมาเผ เพื่อให้วัสดุคงรูปและแข็งแรง จุดเด่นคือมีสีส้มแดง ดูงดงามคลาสสิก ตอบสนองการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งงานภายนอกและภายใน

ข้อดีของอิฐมอญ ข้อเสียของอิฐมอญ
  • แข็งแรงทนทาน ทนต่อสภาพอากาศร้อนชื้น
  • เหมาะกับการเจาะยึดวัสดุ รับน้ำหนักได้ดี
  • สวยงามเมื่อก่อโชว์แนว เหมาะกับสไตล์ลอฟท์/วินเทจ
  • ทนความชื้น เหมาะกับห้องน้ำและห้องครัว
  • มีน้ำหนักมาก (130-180 กก./ตร.ม.)
  • สะสมความร้อน ทำให้บ้านร้อน
  • ใช้เวลาก่อสร้างนาน เพราะก้อนเล็ก ต้อง
  • ใช้อิฐจำนวนมาก (120-135 ก้อน/ตร.ม.)

2. อิฐบล็อก

อิฐบล็อก ผลิตมาในลักษณะอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่จะมีสีเทา ทำมาจากทรายหยาบ และซีเมนต์ มีราคาถูกที่สุดเมื่อเทียบกับอิฐชนิดอื่น ๆ ค่ะ

ข้อดีของอิฐบล็อก ข้อเสียของอิฐบล็อก
  • ราคาถูกที่สุด ลดต้นทุนก่อสร้าง
  • ก่อสร้างได้รวดเร็ว เพราะก้อนใหญ่
  • ใช้จำนวนน้อย (12.5 ก้อน/ตร.ม.) ลดการถ่ายเทความร้อน
  • มีโอกาสรั่วซึมสูง ไม่เหมาะกับห้องน้ำ
  • เก็บเสียงได้น้อย
  • รับแรงกดและน้ำหนักได้น้อย
  • เสี่ยงแตกร้าวเมื่อเจาะผนัง
  • ไม่เหมาะกับงานเดินท่อในผนัง

3. อิฐมวลเบา

อิฐมวลเบา หรือคอนกรีตมวลเบา มีส่วนผสมของปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ทรายละเอียด ปูนขาว ยิปชั่ม และอลูมิเนียม ผ่านการอบด้วยอุณหภูมิกับความดันสูง ทำให้เกิดฟองอากาศในเนื้ออิฐค่ะ

ข้อดีของอิฐมวลเบา ข้อเสียของอิฐมวลเบา
  • น้ำหนักเบา (90 กก./ตร.ม.) ลดภาระโครงสร้าง
  • เป็นฉนวนกันความร้อนที่ดี
  • เก็บเสียงได้ดีมาก
  • ทนไฟ รับแรงกดได้มาก
  • ใช้จำนวนน้อย (9 ก้อน/ตร.ม.)
  • ราคาสูงกว่าอิฐมอญและอิฐบล็อก
  • มีโอกาสแตกร้าวมากกว่า
  • ไม่ทนต่อความชื้น ไม่เหมาะกับห้องน้ำ/ครัว
  • ต้องใช้พุกเฉพาะในการเจาะยึด
  • ต้องใช้ช่างที่มีความชำนาญเฉพาะ

4. อิฐขาว

อิฐขาว มีส่วนผสมคือปูนขาวและทราย ผ่านกระบวนการอัดด้วยเครื่องจักรที่มีความกดดันสูง 500 ตัน แล้วอบด้วยความร้อนสูง ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่เพื่อทดแทนอิฐประเภทอื่น

ข้อดีของอิฐขาว ข้อเสียของอิฐขาว
  • เนื้ออิฐแน่น น้ำซึมผ่านยาก ไม่อมความชื้น
  • รับน้ำหนักได้สูง (180 กก./ตร.ซม.)
  • ป้องกันความร้อนและเสียงได้ดี
  • ลดรอยร้าวในการฉาบ เพราะดูดซึมน้ำน้อย
  • สวยงาม เรียบเนียน
  • ราคาสูงกว่าอิฐมอญและอิฐบล็อกมาก
  • หาช่างผู้ชำนาญในการก่อยาก
  • หาซื้อได้จำกัดกว่าอิฐประเภทอื่น
  • ต้องใช้วัสดุประสานพิเศษ
  • ปรับแต่งหน้างานทำได้ยาก

 

การเลือกอิฐ สำหรับสร้างบ้านและอาคาร

อิฐก่อสร้างมีหลายชนิด แต่ละชนิดมีคุณสมบัติกับข้อจำกัดแตกต่างกัน การเลือกใช้ให้สอดคล้องกับลักษณะงานจะส่งผลต่อความแข็งแรง ความทนทาน และรูปลักษณ์ของอาคาร การตัดสินใจเลือกควรพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

  1. งบในการก่อสร้าง
  2. วัตถุประสงค์ของการใช้งาน
  3. ความต้องการด้านความทนทานและอายุการใช้งาน
  4. ความต้องการด้านการป้องกันความร้อนและเสียง
  5. การบำรุงรักษาในระยะยาว
  6. ความงามและรูปแบบการตกแต่ง

คุณสมบัติของอิฐแต่ละชนิดในการก่อสร้าง

เพื่อให้เข้าใจคุณสมบัติของอิฐก่อสร้างแต่ละชนิดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ตารางเปรียบเทียบต่อไปนี้จะแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างที่สำคัญค่ะ

คุณสมบัติ อิฐมอญ อิฐบล็อก อิฐมวลเบา อิฐขาว
ความแข็งแรง สูง ปานกลาง สูง สูงมาก
น้ำหนัก หนัก
(130-180 กก./ตร.ม.)
ปานกลาง เบา
(90 กก./ตร.ม.)
ปานกลาง
การเก็บเสียง ดี น้อย ดีมาก ดี
เป็นฉนวนกันความร้อน น้อย
(สะสมความร้อน)
ปานกลาง ดีมาก ดี
ความทนต่อความชื้น ดี น้อย
(รั่วซึมง่าย)
น้อย ดีมาก
ความสะดวกในการก่อสร้าง ยาก
(ใช้เวลานาน)
ง่าย (รวดเร็ว) ปานกลาง ปานกลาง
ราคา ปานกลาง ถูกที่สุด สูง สูง
จำนวนก้อนต่อ 1 ตร.ม. 120-135 ก้อน 12.5 ก้อน 9 ก้อน ประมาณ 10 ก้อน

น้ำหนักของอิฐมอญต่อตารางเมตรสูงถึง 130 กก. มากที่สุดเมื่อเทียบกับชนิดอื่น ในขณะที่อิฐมวลเบามีน้ำหนักเพียง 90 กก. ต่อตารางเมตร จะช่วยลดน้ำหนักที่กระทำต่อโครงสร้างอาคารค่ะ

การเลือกใช้อิฐสำหรับผนังส่วนต่าง ๆ ของบ้าน

การเลือกใช้อิฐให้เหมาะกับส่วนต่าง ๆ ของบ้านจะช่วยเพิ่มการใช้งานและความคุ้มค่าในการก่อสร้าง ดังนี้

พื้นที่ใช้งาน อิฐมอญ อิฐบล็อก อิฐมวลเบา อิฐขาว
ผนังภายนอกอาคาร
  • เหมาะสมมาก
  • ทนทานต่อสภาพอากาศ
  • แข็งแรงรับแรงลม
  • ทนแดดทนฝน

  • เหมาะสม
  • ราคาถูก
  • เหมาะกับกำแพง โกดัง
  • ก่อสร้างรวดเร็ว
  • ไม่เหมาะกับบ้านหรู
  • ️ พิจารณา
  • น้ำหนักเบา ดีต่อโครงสร้าง
  • ต้องมีการฉาบกันน้ำเป็นพิเศษ
  • อาจเสื่อมเร็วกว่าในสภาพภายนอก
  • เหมาะสมมาก
  • ทนทาน ไม่อมความชื้น
  • ดูหรูหรา
  • ราคาสูง
ห้องนอน ห้องนั่งเล่น
  • ️ พิจารณา
  • สะสมความร้อน ทำให้ห้องร้อน
  • แข็งแรง แขวนของได้ดี
  • ก่อสองชั้นช่วยกันเสียงได้
  • ไม่แนะนำ
  • เก็บเสียงได้น้อย
  • ไม่เป็นฉนวนกันความร้อน
  • รับน้ำหนักแขวนไม่ดี
  • เหมาะสมมาก
  • เป็นฉนวนกันความร้อนดีเยี่ยม
  • เก็บเสียงได้ดี
  • ทำให้ห้องเย็นสบาย
  • เหมาะสม
  • ป้องกันความร้อนและเสียงดี
  • แข็งแรง
  • ราคาสูง
ห้องน้ำ
ห้องครัว
  • เหมาะสมมาก
  • ทนความชื้นได้ดี
  • ไม่ดูดซึมน้ำ
  • แข็งแรง ติดตั้งอุปกรณ์ได้ดี
  • ไม่เหมาะสม
  • มีโอกาสรั่วซึมสูง
  • ดูดซับน้ำได้ดี
  • เสี่ยงเกิดเชื้อรา
  • ไม่เหมาะสม
  • ไม่ทนต่อความชื้น
  • เสื่อมสภาพเร็วในพื้นที่เปียกชื้น
  • อาจเกิดเชื้อรา
  • เหมาะสมมาก
  • ทนความชื้นดีเยี่ยม
  • น้ำซึมผ่านยาก
  • ป้องกันเชื้อราได้ดี
ผนังกั้นห้องภายใน
  • เหมาะสม
  • แข็งแรงทนทาน
  • กันเสียงได้ดี
  • น้ำหนักมาก ต้องคำนึงถึงโครงสร้าง
  • เหมาะสม
  • ก่อสร้างรวดเร็ว
  • ราคาประหยัด
  • เหมาะกับพื้นที่แห้ง
  • เหมาะสมมาก
  • น้ำหนักเบา ไม่เพิ่มภาระให้โครงสร้าง
  • กันเสียงได้ดี
  • ก่อสร้างรวดเร็ว
  • เหมาะสม
  • คุณภาพสูง
  • กันเสียงได้ดี
  • ราคาสูง
  • คุณภาพดี
ผนังตกแต่ง ผนังโชว์แนวอิฐ
  • เหมาะสมมาก
  • สวยงามเป็นธรรมชาติ
  • เหมาะกับสไตล์ลอฟท์ วินเทจ
  • ให้ความรู้สึกอบอุ่น
  • ไม่เหมาะสม
  • ไม่สวยงามเมื่อโชว์แนว
  • รูปทรงไม่สม่ำเสมอ
  • ผิวหน้าไม่น่าดึงดูด
  • ️ พิจารณา
  • สีขาวสะอาดตา
  • เหมาะกับสไตล์โมเดิร์น
  • ต้องการทักษะในการตกแต่ง
  • เหมาะสม
  • สีขาวสวยงาม
  • เหมาะกับสไตล์มินิมอล
  • ดูหรูหรา ทันสมัย

  

ขั้นตอนการก่ออิฐ ให้ผนังมีความแข็งแรงทนทาน

การก่ออิฐที่ถูกต้องคือสิ่งสำคัญที่ทำให้ผนังมีความแข็งแรงทนทาน ไม่เกิดปัญหาแตกร้าวหรือรั่วซึมในภายหลัง มีขั้นตอนการก่อดังนี้

1. การเตรียมพื้นที่และวัสดุอุปกรณ์

โดยทั่วไปก่อนจะเริ่มงานก่ออิฐ ช่างจะต้องใช้เวลาในการเตรียมงาน ได้แก่ การเตรียมวัสดุ เครื่องมือ และสถานที่ก่อสร้างให้พร้อมก่อนลงมือทำ

  • ทำความสะอาดพื้นที่ให้เรียบร้อยก่อนทำการก่ออิฐ โดยการกวาดและล้างให้ปราศจากฝุ่น สกัดเสาหรือคาน ปัดเศษปูน ราดน้ำให้สะอาด

  • ถ้าจุดที่จะทำการก่ออยู่ในจุดที่มีแดดส่อง แนะนำให้หาผ้าใบมาขึงบังแดด เพื่อไม่ให้ปูนแห้งเร็วเกินไป

  • ควรทำความสะอาดผิวอิฐเพื่อกำจัดฝุ่นผงและพรมน้ำให้ทั่วถึง ช่วยป้องกันวัสดุดูดน้ำจากปูนเร็วเกินไป ทำให้เนื้อปูนยึดเกาะกับอิฐได้อย่างเต็มที่

2. การผสมปูนสำหรับการก่ออิฐ

การผสมปูนสำหรับก่ออิฐทั้ง 2 ประเภท โดยทั่วไปให้ผสมปูนและทรายหยาบ ในอัตราส่วน ปูน 1 ส่วน ต่อ ทรายหยาบ 3 ส่วน ผสมกันน้ำให้มีความข้นหนืด ไม่เหลวเกินไป

  • ผสมปูนตามอัตราส่วน ปูน 1 ส่วนทรายหยาบ 3 ส่วน และน้ำ 1 ส่วน ตอนผสมค่อย ๆ ใส่น้ำลงไปในระหว่างผสม อย่าเทน้ำลงไปทีเดียว เพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อปูนเหลวเกินไป

  • ถ้าปูนสามารถปั้นเป็นตัวไม่เละไหล หรือ หลุดร่วนสามารถนำไปก่ออิฐได้

  • ในกรณีของอิฐมวลเบา ควรใช้ปูนก่อเฉพาะที่มีคุณสมบัติเดียวกับปูนกาว สามารถช่วยยึดก้อนอิฐได้ดีกว่าปูนทรายเป็นอย่างมาก ควรผสมปูนด้วยอัตราส่วน ปูน 2.5 ต่อน้ำสะอาด 1 ส่วน

3. ขั้นตอนการก่ออิฐ

เริ่มจากการทำความสะอาดพื้นที่ก่อน โดยการกวาดและล้างให้ปราศจากฝุ่น จากนั้นจึงเริ่มงานอิฐก่อสร้างตามขั้นตอนดังนี้ค่ะ

  1. หาแนวระยะและดิ่ง ของผนังตามแบบที่กำหนด
  2. ก่ออิฐแถวแรกโดยมีการขึงเอ็น เพื่อตรวจสอบแนวและระดับ
  3. ก่ออิฐแถวถัด ๆ ไป ต้องตรวจสอบแนวกับระดับควบคู่กัน โดยใช้วิธีก่อบริเวณริมสองด้านสูงขึ้นก่อน และการขึงเอ็นเป็นแนวช่วยตรวจสอบ
  4. ทำการตรวจระดับทุก ๆ 5 ชั้น โดยใช้ระดับน้ำ ความสูงในการก่อไม่ควรเกิน 1.2 ม. เพื่อป้องกันไม่ให้ผนังอิฐที่ก่อไว้ล้ม
  5. หลังจากก่ออิฐชั้นแรกเสร็จแล้ว ชั้นต่อ ๆ ไป ให้ใช้วิธีก่อแบบเดียวกับชั้นแรก โดยให้ก่อแบบสลับฟันปลาจะสามารถเพิ่มความแข็งแรงให้มีมากขึ้น
  6. คานทับหลังและเสาเอ็นควรหล่อเป็นกรอบทุก ๆ 9 ตรม.
  7. กรณีก่อชนท้องคานคอนกรีต ควรก่อแล้วเว้นระยะไว้ราว 10 ซม. ทิ้งให้ผนังก่ออิฐแข็งและหดตัวแน่นก่อน จึงก่อปิดส่วนนี้
  8. กรณีก่อไม่ชนคานคอนกรีต ให้ทำคานทับหลังด้านบนอีกแนวหนึ่ง
  9. แนวผนังก่อชนกับเสาคอนกรีต จะต้องเสียบเหล็กหนวดกุ้ง (ขนาด 6 มม.) ทุกระยะ 0.0-0.4 ม. เพื่อความแข็งแรงของผนังก่อ
  10. การเสริมเหล็กเส้น เพื่อเตรียมไว้ยึดกับเสาเอ็นทับหลังยึดวงกบประตู หน้าต่างที่จะติดตั้งต่อไป
  11. คานทับหลัง และเสาเอ็นควรหล่อรอบวงกบประตูหน้าต่าง

4. การบ่มผนังอิฐ

การบ่มผนังให้มีความชื้นสม่ำเสมอ ช่วยชะลอการสูญเสียน้ำของเนื้อปูน ส่งผลให้ผนังมีความแข็งแรงและลดโอกาสแตกร้าว

  • เมื่อก่ออิฐไปแล้ว 24 ชั่วโมง ให้กลับมาบ่มน้ำ ด้วยการรดน้ำสะอาดบนผิวผนังให้ชุ่มชื้นสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง ต่อไปอีก 3 7 วัน

  • ถ้าอากาศแห้ง มีลมพัด หรือสัมผัสแดดแรงจ้า ให้เพิ่มการรดน้ำเป็น 2-3 ครั้งต่อวัน และเพิ่มระยะเวลาการรดน้ำออกไปจนครบ 1 สัปดาห์

  • หลังจากก่ออิฐบล็อกเสร็จแล้ว ควรปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลา 3 วัน เพื่อให้ปูนแข็งตัว โดยในระหว่างนั้นให้ทำการบ่มผนังด้วยการราดน้ำลงบนผนังให้ชุ่มอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง ทำอย่างต่อเนื่องจนครบ 1 สัปดาห์ จะช่วยลดปัญหาการแตกร้าว

เทคนิคเพิ่มเติม ถ้ามีการก่ออิฐในบริเวณแดดลมแรง จะต้องมีการขึงผ้าใบเพื่อลดการสัมผัสกับอากาศที่จะพัดความชื้นออกจากผนังเร็วเกินไป เพื่อให้ผนังที่ได้แข็งแรงทนทานไม่แตกร้าวโดยง่าย

5. เทคนิคการก่ออิฐให้แข็งแรง

นอกจากขั้นตอนพื้นฐานในการก่ออิฐแล้ว ยังมีเทคนิคเพิ่มเติม ทั้งการก่ออิฐเต็มแผ่น การก่ออิฐครึ่งแผ่น และการก่ออิฐสองชั้น ช่วยให้ผนังมีความแข็งแรงทนทานมากขึ้นค่ะ

การก่ออิฐครึ่งแผ่น คือ การนำอิฐแดงก่อในด้านยาวตามความยาวของผนัง โดยที่ความหนาของผนังจะเท่ากับขนาดของก้อนอิฐที่ใช้งาน เหมาะสำหรับผนังทั่วไป

ก่ออิฐเต็มแผ่น คือ วิธีการก่อผนังที่วางอิฐในแนวขวางตามความยาวของผนัง โดยมีการวางสลับแถวทุก ๆ 2 ก้อน ทำให้มีความงามมากกว่าการก่ออิฐครึ่งแผ่น และมีความแข็งแรงมากกว่า

การก่ออิฐแบบ 2 ชั้น นำเอาเทคนิคการก่ออิฐแบบครึ่งแผ่นมาประยุกต์จนเกิดเป็นการก่ออิฐแบบ 2 ชั้น โดยที่มีการเว้นช่องระหว่างกลางเอาไว้ราว 5-10 เซนติเมตร เพื่อการเพิ่มฟังก์ชันให้กับกำแพง เช่น การเพิ่มแผ่นฉนวนกันความร้อน และฉนวนกันเสียง

 

สรุป

การเลือกใช้ อิฐ ให้เข้ากับพื้นที่ใช้งานแต่ละส่วนมีความจำเป็น ผนังภายนอกที่ต้องรับสภาพอากาศควรใช้อิฐมอญเพื่อความแข็งแกร่ง ขณะที่ห้องนอนใช้อิฐมวลเบาช่วยป้องกันความร้อนกับเสียงรบกวน ส่วนห้องน้ำห้องครัวที่มีความชื้นสูง อิฐมอญหรืออิฐขาวจะทนทานกว่า สำหรับงานที่เน้นความเร็วและควบคุมค่าใช้จ่าย อิฐบล็อกก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งค่ะ

ขั้นตอนการก่ออิฐที่ถูกต้องคือสิ่งสำคัญ ตั้งแต่การเตรียมพื้นผิว การผสมปูนให้ได้ส่วน การเรียงอิฐตามหลักการ และการบ่มผนังให้มีความชื้นพอดี ล้วนส่งผลให้ผนังมีความแข็งแรงทนทาน ป้องกันการแตกร้าวหรือปัญหาในระยะยาว

ความเข้าใจเรื่องอิฐก่อสร้างกับขั้นตอนการทำงาน ช่วยให้เจ้าของบ้านเลือกวัสดุได้เข้ากับงาน พร้อมตรวจดูการทำงานของช่างให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เพื่อให้ได้บ้านที่มีคุณภาพ แข็งแรง และคงทนถาวรค่ะ


บทความที่เกี่ยวข้อง
สร้างบ้าน เลือกแบบไหนดี ? ระหว่าง บริษัทรับก่อสร้าง กับ ผู้รับเหมาอิสระ
แนวทางการเตรียมตัวก่อน สร้างบ้าน เปรียบเทียบ ผู้รับเหมาอิสระกับบริษัทรับเหมาก่อสร้าง จุดที่ต้องตรวจสอบในสัญญาจ้างเหมา และวิธีเลือกวัสดุก่อสร้างให้เหมาะกับการใช้งาน
7 ก.ค. 2025
3 ประเภท เสา สำหรับสร้างบ้าน เลือกใช้อย่างไรให้เหมาะสม
แนะนำประเภทของ เสา ที่ใช้ในการก่อสร้าง ตั้งแต่การเลือกขนาด ขั้นตอนติดตั้ง และมาตรฐานที่จำเป็น เพื่อให้เสาบ้านของคุณแข็งแรงทนทาน
7 ก.ค. 2025
บริษัทรับเหมาก่อสร้าง นครสวรรค์ พร้อมข้อมูลประกอบการตัดสินใจ
รวม 4 บริษัทรับเหมา จังหวัดนครสวรรค์ พร้อมแนวทางคัดเลือก และอธิบายขั้นตอนการทำงานร่วมกัน เพื่อให้คุณเลือกผู้รับจ้างที่ใช่สำหรับโครงการของคุณ
7 ก.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy