แชร์

7 ขั้นตอนการ ถมที่ดิน ให้ถูกวิธี เพื่อป้องกันปัญหาดินทรุด

อัพเดทล่าสุด: 30 ต.ค. 2025
13 ผู้เข้าชม

S.J.Building สรุปให้

  • การถมที่ ขั้นตอนแรกที่สำคัญของการก่อสร้าง ต้องทำให้ถูกวิธีเพื่อป้องกันปัญหาดินทรุดและโครงสร้างเสียหาย
  • ก่อนถมที่ดิน ควรศึกษากฎหมายกับข้อบังคับ เช่น พ.ร.บ.การขุดดินและถมดิน พ.ศ. 2543 เพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมาย
  • ควรเลือกประเภทดินให้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น ดินถมทั่วไป ดินลูกรัง ดินทราย ดินร่วน แต่ละประเภทมีข้อดีข้อเสียต่างกัน
  • การถมที่ดินที่มีพื้นที่เกิน 2,000 ตร.ม. และสูงเกิน 2 เมตรจากที่ดินข้างเคียง ต้องมีวิศวกรควบคุมงาน
  • ควรถมดินให้สูงกว่าถนน 50-80 ซม. หรือมากกว่านั้นในพื้นที่มีความเสี่ยงน้ำท่วม
  • ขั้นตอนการถมที่ต้องทำอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การเตรียมพื้นที่ การขออนุญาต การเลือกประเภทดิน การถมและบดอัดเป็นชั้น จนถึงการตรวจสอบความหนาแน่น


ถมที่ ขั้นตอนการเตรียมพื้นที่เพื่อสร้างรากฐานให้แก่สิ่งปลูกสร้าง การถมดินที่ทำอย่างไม่ถูกต้องจะส่งผลกระทบตามมา เช่น ปัญหาดินทรุด บ้านทรุด หรือน้ำท่วมขัง ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสูง

บทความนี้ S.J.Building ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนการถมที่ดินที่ถูกวิธี ตั้งแต่ประเภทของดินที่ใช้ ข้อกำหนดทางกฎหมาย จนถึงเทคนิคช่วยป้องกันดินทรุดที่เจ้าของที่ดินสามารถนำไปปรับใช้ได้ค่ะ

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

ประเภทของดินสำหรับงาน ถมที่ แต่ละชนิด

การถมที่ มีผลโดยตรงต่อความแข็งแรงของพื้นที่ในระยะยาว การเลือกใช้ดินที่มีคุณสมบัติตรงตามลักษณะงานเป็นสิ่งสำคัญ เพราะดินแต่ละชนิดมีข้อดีและข้อจำกัดต่างกัน การทำความเข้าใจข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้งานถมที่ดินออกมามีคุณภาพตามที่ต้องการค่ะ

  1. ดินถมทั่วไป (ดินเหนียว) ดินชนิดนี้มีเนื้อละเอียดและมีความเหนียว เมื่อแห้งจะแข็งตัว ราคาเข้าถึงง่าย อุ้มน้ำได้ บดอัดได้แน่นพอสมควร แต่ต้องใช้เวลาให้ดินยุบตัวและระบายน้ำได้ช้า เหมาะกับการถมที่ดินเพื่อสร้างบ้านพักอาศัย เพราะโครงสร้างหลักจะรับน้ำหนักบนเสาเข็ม
  2. ดินลูกรัง (ดินซีแลค) มีลักษณะแห้ง ผสมด้วยแร่กับหิน ทำให้บดอัดได้แน่นมาก การทรุดตัวมีน้อย ช่วยให้ก่อสร้างได้เร็ว แต่มีราคาสูงกว่าและไม่เอื้อต่อการปลูกพืช ดินลูกรังตอบโจทย์การสร้างโรงงาน โกดัง หรือถนนที่ต้องการการรับน้ำหนักสูง
  3. ดินทราย มีส่วนประกอบของทรายเยอะ เนื้อดินจะหยาบ ระบายน้ำได้รวดเร็ว มีราคาไม่สูง แต่ไม่อุ้มน้ำและอาจถูกกัดเซาะได้ง่าย จำเป็นต้องบดอัดให้แน่นเพื่อป้องกันการทรุดตัว มักใช้สำหรับรองพื้นก่อนเทปูนในโครงการก่อสร้าง
  4. ดินร่วน (หน้าดิน) เป็นดินเนื้อละเอียดนุ่ม มีสีคล้ำ อุดมด้วยอินทรียวัตถุ มีคุณสมบัติระบายน้ำได้ดีพร้อมให้ธาตุอาหารแก่พืช แต่มีราคาสูงและไม่สามารถรับน้ำหนักโครงสร้างได้ มักถมเป็นชั้นบนสุดสำหรับพื้นที่ทำสวนหรือบริเวณที่ต้องการปลูกต้นไม้

คำแนะนำการเลือกดินสำหรับงานก่อสร้าง

  • สำหรับการสร้างบ้านพักอาศัยทั่วไป ควรใช้ดินถมทั่วไปหรือดินเหนียว
  • สำหรับโครงสร้างที่ต้องรับน้ำหนักมาก ควรใช้ดินลูกรัง
  • สำหรับพื้นที่น้ำท่วมบ่อย ควรใช้ดินลูกรังหรือดินทรายเพื่อการระบายน้ำที่ดี
  • พื้นที่ที่ต้องการปลูกต้นไม้ ควรใช้ดินร่วนเป็นชั้นบนสุด

 

ขั้นตอนการ ถมที่ดิน ที่เจ้าของที่ต้องรู้มีอะไรบ้าง ?

การถมที่ดินอย่างถูกวิธีเป็นกระบวนการที่ต้องใส่ใจในรายละเอียด เพื่อให้ได้พื้นที่แข็งแรง พร้อมใช้งาน และช่วยป้องกันปัญหาในอนาคต โดยมีขั้นตอนดังนี้

  1. สำรวจและวางแผนพื้นที่ เริ่มต้นด้วยการสำรวจสภาพพื้นที่เดิม ความลาดเอียง แนวเขตที่ดิน สังเกตพืชพรรณเพื่อประเมินความชื้นของดิน จากนั้นวัดระดับความสูงเทียบกับถนนกับพื้นที่ข้างเคียง เพื่อกำหนดระดับการถมที่และวางแผนทิศทางการระบายน้ำ
  2. ขออนุญาตตามกฎหมาย ตรวจเช็คข้อบังคับกับหน่วยงานท้องถิ่น ถ้าเข้าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ต้องยื่นเอกสารขออนุญาตให้เรียบร้อยก่อนเริ่มงาน โดยแนบแผนผังแสดงแนวเขตและวิธีการถมดินประกอบการพิจารณา
  3. เตรียมพื้นที่ก่อนเริ่มงาน กำจัดขยะและวัชพืชออกจากพื้นที่เพื่อให้บดอัดดินได้แน่น สามารถพิจารณาฉีดน้ำยากันปลวกและวางท่อระบายน้ำใต้ดินตามความจำเป็นของพื้นที่
  4. เลือกประเภทดินและจัดการขนส่ง เลือกประเภทดินให้ตรงตามวัตถุประสงค์การใช้งาน คำนวณปริมาณที่ต้องใช้ ทำสัญญากับผู้รับเหมาให้ชัดเจนเรื่องคุณภาพ ราคา และระยะเวลา ในขั้นตอนการขนส่งดินสำหรับถมที่ควรมีคนคอยตรวจสอบจำนวนเที่ยวรถเพื่อความถูกต้อง
  5. ดำเนินการถมและบดอัด เริ่มถมดินเป็นชั้นหนาประมาณ 20-30 ซม. รดน้ำให้ชุ่มแล้วใช้เครื่องมือบดอัดให้แน่น ทำซ้ำกระบวนการนี้ทีละชั้นจนได้ระดับความสูงตามที่วางแผนไว้
  6. ปรับระดับและตกแต่ง ใช้เครื่องจักรปรับหน้าดินให้เรียบและมีความลาดเอียงเล็กน้อย เพื่อช่วยระบายน้ำ สามารถสร้างขอบกันดินหรือรั้วเพื่อป้องกันดินพังทลาย
  7. ตรวจสอบหลังดำเนินการ หลังถมเสร็จ ควรทดสอบความแน่นของดินและทิ้งระยะให้ดินทรุดตัวสักพักก่อนเริ่มก่อสร้าง โดยเฉพาะดินเหนียวควรเว้นช่วงเวลาไว้ประมาณ 45-60 วัน พร้อมสังเกตการระบายน้ำหลังฝนตกกับการทรุดตัวของพื้นที่

 

ข้อกำหนดเรื่องความสูงในการถมที่

การกำหนดความสูงในการถมที่ดินนับเป็นขั้นตอนแรก ๆ ของการเตรียมพื้นที่สร้างบ้าน การวางแผนที่ดีจะช่วยป้องกันปัญหาต่าง ๆ ในระยะยาวได้ โดยมีปัจจัยที่ควรนำมาพิจารณาประกอบกัน ดังนี้

การกำหนดระดับความสูงสำหรับงานถมที่

การถมที่ดินให้ได้ระดับความสูงที่พอดีนั้นขึ้นอยู่กับลักษณะของพื้นที่แต่ละแห่ง โดยสามารถแบ่งตามลักษณะพื้นที่ ได้แก่

  • พื้นที่ทั่วไป ควรถมดินให้สูงกว่าระดับถนนประมาณ 50-80 เซนติเมตร เพื่อช่วยป้องกันปัญหาน้ำขังเบื้องต้น
  • พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม สำหรับบริเวณที่มีประวัติน้ำท่วม ควรถมดินให้สูงกว่า 1 เมตรขึ้นไป
  • พื้นที่ดินทรุดตัว ควรประเมินและเผื่อความสูงเพิ่มอีก 10-15% เพื่อรองรับการยุบตัวของดินที่เกิดขึ้นได้ในระยะยาว

ข้อควรพิจารณาในการถมที่เพื่อกำหนดความสูง

  1. ระดับน้ำใต้ดิน ระดับความสูงควรอยู่เหนือระดับน้ำใต้ดิน เพื่อช่วยป้องกันปัญหาน้ำซึมเข้าสู่ตัวบ้านในอนาคต
  2. ระดับถนน การถมให้สูงกว่าระดับถนนหน้าที่จะช่วยลดปัญหาน้ำท่วมขังจากถนน และลดการพัดพาของฝุ่นละออง
  3. พื้นที่ดินข้างเคียง ควรออกแบบระดับความสูงให้สอดคล้องกับที่ดินข้างเคียง เพื่อไม่ให้การระบายน้ำของเราสร้างผลกระทบ หรือทำให้น้ำไหลไปท่วมขังในพื้นที่ของเพื่อนบ้าน
  4. การยุบตัวของดิน ควรเผื่อระดับความสูงสำหรับการยุบตัวของดินไว้ประมาณ 10-15% สัดส่วนนี้จะแตกต่างกันตามลักษณะของดินในพื้นที่นั้น ๆ

ข้อแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการถมที่

เพื่อให้การถมที่ดินได้ผลลัพธ์ตรงตามความต้องการ มีข้อแนะนำบางส่วนที่ควรนำไปพิจารณา ดังนี้

  1. ระดับความสูงของดิน ควรปรับระดับให้พอดี การถมสูงไปจะสร้างแรงดันต่อรั้วและเกิดปัญหาน้ำไหลไปที่ดินแปลงอื่น ส่วนการถมต่ำไปก็เสี่ยงต่อน้ำท่วมขังกับะความชื้นใต้ตัวบ้าน
  2. การเลือกใช้วัสดุ การลงวัสดุต่างชนิดเป็นชั้น ๆ สามารถเพิ่มประโยชน์ใช้สอย ตัวอย่างคือการใช้ดินลูกรังสำหรับชั้นล่าง และใช้ดินเหนียวปิดทับชั้นบน

 

ข้อบังคับทางกฎหมายเกี่ยวกับการถมที่ดิน

การถมที่ดินในประเทศไทยมีข้อบังคับตามพระราชบัญญัติการขุดดินและถมดิน พ.ศ. 2543 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เจ้าของที่ดินควรศึกษาข้อกำหนดเหล่านี้เพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมายที่ตามมาค่ะ

พระราชบัญญัติการขุดดินและถมดิน พ.ศ. 2543

  • การขออนุญาต การถมดินที่มีความสูงของเนินดินเกินกว่าระดับที่ดินข้างเคียง และมีพื้นที่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ต้องแจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นก่อน
  • ระยะห่างจากแนวเขตที่ดิน ส่วนฐานของเนินดินจะต้องห่างจากแนวเขตที่ดินของบุคคลอื่นหรือที่สาธารณะเป็นระยะไม่น้อยกว่าความสูงของเนินดิน
  • ผู้ควบคุมงาน การถมดินที่มีพื้นที่เกิน 2,000 ตารางเมตร และสูงเกิน 2 เมตรจากระดับที่ดินข้างเคียง ต้องมีผู้ควบคุมงานที่เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม สาขาวิศวกรรมโยธา

เอกสารและการเตรียมตัว

  1. แผนผังบริเวณ เพื่อแสดงพื้นที่ที่จะทำการถมดิน
  2. แผนผังแสดงเขตที่ดินและที่ดินบริเวณข้างเคียง
  3. รายละเอียดการถมดิน ระบุวิธีการถม ระยะเวลา และรายละเอียดอื่น ๆ
  4. แผนการจัดระบบการระบายน้ำเพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อนแก่เจ้าของที่ดินข้างเคียง

บทลงโทษและข้อแนะนำ

  • ผู้ที่ถมดินโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ปฏิบัติตามแบบที่ได้รับอนุญาต อาจถูกปรับ
  • เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจออกคำสั่งให้ระงับการถมดิน
  • ต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบุคคลอื่นจากการถมดิน

ข้อแนะนำสำหรับเจ้าของที่ดิน

  • ตรวจสอบข้อกำหนดท้องถิ่น แต่ละพื้นที่อาจมีข้อกำหนดเพิ่มเติมต่างกัน
  • ปรึกษาวิศวกร ควรปรึกษาวิศวกรก่อนเริ่มโครงการขนาดใหญ่
  • จัดทำบันทึกข้อตกลง ถ้าพื้นที่ติดกับที่ดินเอกชนอื่น ควรทำข้อตกลงร่วมกันเพื่อป้องกันข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้น

 

ถมที่เพื่อใช้งานแต่ละแบบ ต้องเตรียมอะไรบ้าง ?

การถมที่ดินเพื่อใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ มีรายละเอียดด้านการเตรียมการและวัสดุที่แตกต่างกัน เพื่อให้ที่ดินนั้นรองรับการใช้งานได้ตามเป้าหมาย ได้แก่

  • เพื่อสร้างบ้านพักอาศัย การถมที่เพื่อสร้างบ้านมักใช้ดินเหนียวหรือดินถมทั่วไป และอาจผสมดินลูกรังชั้นบนเพื่อเพิ่มความแข็งแรง ดินต้องถูกบดอัดให้แน่นถึงระดับ 85% ตามเกณฑ์ พร้อมกับวางระบบท่อระบายน้ำรอบตัวบ้านและติดตั้งระบบป้องกันปลวกใต้ดิน
  • เพื่อสร้างโรงงานหรืออาคารขนาดใหญ่ โครงสร้างขนาดใหญ่ต้องการฐานที่แข็งแรงกว่า ต้องเลือกใช้วัสดุอย่างดินลูกรังหรือหินคลุก และต้องบดอัดให้แน่นเกิน 95% ของค่าสูงสุด มีการทดสอบการรับน้ำหนักของดิน แล้วออกแบบระบบระบายน้ำขนาดใหญ่เพื่อรองรับปริมาณน้ำฝน การถมจะทำเป็นชั้นพร้อมทดสอบความแน่นไปทีละชั้น
  • เพื่อทำการเกษตร หัวใจหลักคือคุณภาพของดิน โดยจะเลือกใช้ดินร่วนหรือหน้าดินที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง มีการตรวจสอบคุณภาพดิน ค่า pH และธาตุอาหาร เพื่อเตรียมสารปรับปรุงดิน เช่น ปุ๋ยอินทรีย์ กับวางแผนระบบชลประทานให้เข้ากับพืชที่จะปลูก
  • เพื่อทำถนนหรือลานจอดรถ ส่วนนี้เน้นความแข็งแรงเพื่อรับน้ำหนัก วัสดุที่ใช้คือดินลูกรัง หินคลุก หรือทรายหยาบผสมดินเหนียว บดอัดให้แน่นมากกว่า 95% และมีการทดสอบค่า CBR (California Bearing Ratio) เพื่อวัดความแข็งแรงของดิน ก่อนทำผิวถนนต้องเตรียมชั้นรองพื้นด้วยหินคลุกและทำร่องระบายน้ำควบคู่กันไป
  • ในพื้นที่ลุ่มหรือมีน้ำท่วมขัง การเตรียมพื้นที่จะซับซ้อนขึ้น โดยอาจต้องวางท่อระบายน้ำใต้ดินก่อนเริ่มถม ชั้นล่างสุดใช้วัสดุที่ระบายน้ำได้ดีอย่างดินทรายหรือหินคลุก และควรถมให้สูงกว่าระดับน้ำท่วมสูงสุดที่เคยบันทึกไว้ประมาณ 50 เซนติเมตร การบดอัดดินทีละชั้นจะช่วยป้องกันการทรุดตัวในอนาคต

 

สรุป

การถมที่ ขั้นตอนแรกเริ่มที่มีผลต่อความแข็งแรงและอายุการใช้งานของสิ่งปลูกสร้าง การเตรียมพื้นที่อย่างถูกวิธีจะช่วยป้องกันปัญหาดินทรุดตัว น้ำท่วมขัง และความเสียหายต่อโครงสร้างในระยะยาว

เจ้าของที่ดินควรใส่ใจในทุกกระบวนการ ตั้งแต่การเลือกชนิดดิน การขออนุญาตตามกฎหมาย การเตรียมพื้นที่ การถมและบดอัดดินให้แน่น รวมถึงการตรวจสอบหลังการทำงานเสร็จสิ้น การเลือกวิธีการถมที่ให้เข้ากับวัตถุประสงค์การใช้งานพื้นที่จะช่วยให้งานสำเร็จตามเป้าหมาย

การลงทุนกับการถมดินที่มีคุณภาพตามหลักวิศวกรรมตั้งแต่ต้น ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมภายหลัง โดยค่าใช้จ่ายส่วนนี้มักสูงกว่าการทำให้เรียบร้อยตั้งแต่แรก การเข้าใจและปฏิบัติตามขั้นตอนการถมที่ดินที่ถูกต้องจะเป็นการลงทุนที่ให้ผลดีในระยะยาวสำหรับเจ้าของบ้านกับผู้พัฒนาโครงการค่ะ


บทความที่เกี่ยวข้อง
สร้างบ้านใหม่ต้องรู้ พิธียกเสาเอกเสาโท และสิ่งของที่ต้องใช้
พิธียกเสาเอกเสาโท ตั้งแต่ความหมาย สิ่งของจำเป็น ขั้นตอนพิธีการ และวิธีปฏิบัติหลังการยกเสาเอกเสาโท เพื่อความเป็นมงคลกับบ้านหลังใหม่ตามความเชื่อคนไทย
30 ต.ค. 2025
แบบหล่อคอนกรีต คืออะไร และทำงานอย่างไรในโครงการก่อสร้าง
วิธีเลือกและติดตั้ง แบบหล่อคอนกรีต ให้ถูกต้อง เพื่องานก่อสร้างที่มีคุณภาพ ข้อแตกต่างของแต่ละชนิด การนำไปใช้กับฐานราก เสา คาน และส่วนต่าง ๆ ของอาคาร
30 ต.ค. 2025
คุณสมบัติของไม้ ที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจ เพื่อเลือกใช้ให้เหมาะกับงาน
คุณสมบัติของไม้ ที่มีผลกระทบต่อการใช้งานมีอะไรบ้าง ? อธิบายตั้งแต่การแยกประเภท การเลือกใช้ เทคนิคประเมินความแข็งแรงและการหดขยายตัวของไม้แต่ละชนิด
30 ต.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy