บ้านอิฐ แข็งแรงจริงไหม ? การออกแบบให้เหมาะกับอากาศประเทศไทย
S.J.Building สรุปให้
- บ้านอิฐ มีความแข็งแรงทนทานต่างกันตามชนิดของวัสดุ โดยอิฐมอญรับน้ำหนักได้ถึง 30 กก./ตร.ม.
- อิฐที่ใช้สร้างบ้านมี 3 ชนิดหลัก ได้แก่ อิฐมอญ อิฐบล็อก และอิฐมวลเบา แต่ละชนิดเหมาะกับการใช้งานแตกต่างกัน
- อิฐมวลเบา มีน้ำหนักเบา ช่วยป้องกันความร้อน และลดการรับน้ำหนักของโครงสร้าง
- การสร้างบ้านอิฐเริ่มจากเตรียมพื้นที่ วางรากฐาน ก่อผนัง ติดตั้งระบบสาธารณูปโภค และฉาบปูนตกแต่ง
-
การดูแลบ้านอิฐระยะยาวทำโดยเช็ครอยร้าว ทาสีกันน้ำผนังภายนอก และกำจัดความชื้นป้องกันเชื้อรา
การก่อสร้าง บ้านอิฐ มีมายาวนานในประเทศไทย ด้วยความแข็งแรง ทนทาน และเสน่ห์ทางสถาปัตยกรรม การเลือกใช้อิฐแต่ละชนิดมีผลต่อความแข็งแรงของโครงสร้างบ้าน การป้องกันความร้อน และอายุการใช้งานของตัวบ้าน
บทความนี้ S.J.Building ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความแข็งแรงของ บ้านอิฐ ตั้งแต่ประเภทของอิฐที่ใช้ในงานก่อสร้าง แนวคิดการออกแบบ ขั้นตอนการก่อสร้าง จนถึงการดูแลรักษา เพื่อช่วยให้การเลือกวัสดุและวิธีการก่อสร้างเหมาะกับความต้องการค่ะ
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- S.J.Building สรุปให้
- บ้านอิฐ แข็งแรงและทนทานแค่ไหน ?
- ไอเดียการออกแบบ บ้านอิฐ สไตล์ต่าง ๆ ที่เหมาะกับอากาศเมืองไทย
- ขั้นตอนการก่อสร้าง บ้านอิฐมอญ ให้แข็งแรง
- การดูแลรักษาผนังและโครงสร้าง บ้านอิฐ ในระยะยาว
บ้านอิฐ แข็งแรงและทนทานแค่ไหน ?
บ้านอิฐ มีความแข็งแรงทนทานต่างกันตามชนิดของอิฐที่ใช้ โดยอิฐมอญที่พบเห็นกันบ่อยสามารถรับน้ำหนักได้สูงถึง 30 กิโลกรัมต่อตารางเมตร มีความหนาแน่นสูง และเจาะแขวนของบนผนังได้ง่าย ถ้าใช้เทคนิคการก่อที่ถูกต้อง บ้านจะมีโครงสร้างที่มั่นคง สามารถทนต่อแรงกระแทกและสภาพอากาศได้ดี ความแข็งแรงของบ้านอิฐขึ้นกับหลายปัจจัย ได้แก่
- คุณภาพของอิฐที่ผลิตได้มาตรฐานจะมีความแข็งแรงสม่ำเสมอ
- เทคนิคการก่ออิฐที่ถูกวิธี ช่วยให้โครงสร้างแข็งแรงมากขึ้น
- คุณภาพของปูนก่อและปูนฉาบ เพราะปูนคุณภาพดีช่วยยึดเกาะอิฐและเพิ่มความแข็งแรง
- การเสริมความแข็งแรง เช่น การใช้เหล็กเสริม หรือ "หนวดกุ้ง" ยึดผนังอิฐกับเสา
อิฐมอญผลิตจากดินเหนียว แกลบ และน้ำ ผ่านการเผาที่อุณหภูมิ 700-800 องศาเซลเซียส มีความทนทานต่อสภาพอากาศในเมืองไทย ส่วนอิฐมวลเบาและอิฐบล็อกก็มีความแข็งแรงต่างกัน เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ต่างกันค่ะ
ประเภทอิฐที่ใช้สำหรับก่อสร้างและตกแต่ง บ้านอิฐ
การสร้างบ้านอิฐ มีวัสดุก่อสร้างหลักที่ใช้กันทั่วไปอยู่ 3 ประเภท ได้แก่ อิฐมอญ อิฐบล็อก และอิฐมวลเบา การเลือกใช้อิฐแต่ละชนิดส่งผลต่อคุณสมบัติโดยรวมของตัวบ้าน ทั้งในเรื่องความแข็งแรง การป้องกันความร้อน และลักษณะการใช้งาน ได้แก่
- อิฐมอญ (อิฐแดง) มีความแข็งแกร่งทนทาน รับน้ำหนักได้มาก ใช้กับผนังที่ต้องรับความชื้นหรือแขวนของหนักได้ แต่มีน้ำหนักมากและสะสมความร้อน
- อิฐบล็อก มีจุดเด่นเรื่องราคาที่เข้าถึงง่ายและก่อสร้างได้เร็วเพราะมีขนาดใหญ่ แต่มีข้อควรระวังเรื่องการรับน้ำหนัก การกันเสียง และความสามารถในการกันความชื้น
-
อิฐมวลเบา มีน้ำหนักเบา เป็นฉนวนกันความร้อนกับกันไฟได้ดี ช่วยให้การก่อสร้างรวดเร็ว แต่มีราคาสูงและต้องใช้ช่างที่มีความชำนาญ
การตัดสินใจเลือกใช้วัสดุมาสร้างบ้านอิฐ ควรพิจารณาจากความต้องการใช้งานเป็นหลัก ถ้าเน้นความแข็งแรงทนทาน อิฐมอญจะตอบโจทย์ในด้านนี้ สำหรับคนที่ต้องการความรวดเร็วและควบคุมค่าใช้จ่าย อิฐบล็อกก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ส่วนอิฐมวลเบาจะให้ประโยชน์เรื่องการป้องกันความร้อนและน้ำหนักเบาของโครงสร้างค่ะ
ไอเดียการออกแบบ บ้านอิฐ สไตล์ต่าง ๆ ที่เหมาะกับอากาศเมืองไทย
การออกแบบบ้านอิฐให้เย็นสบายในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทยนั้น มุ่งเน้นการสร้างสภาวะน่าอยู่ผ่านการระบายอากาศที่มีประสิทธิภาพ และการลดความร้อนจากแสงแดด การเลือกใช้วัสดุอิฐแค่อย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องอาศัยการวางแผนโครงสร้างที่ส่งเสริมการถ่ายเทอากาศทั่วถึงด้วย สไตล์บ้านอิฐที่เหมาะกับประเทศไทย ได้แก่
- บ้านอิฐทรอปิคอลโมเดิร์น ผสมผสานความทันสมัยกับการปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศเขตร้อน ใช้ชายคายื่นยาวป้องกันแสงแดดและฝน มีระเบียงกว้าง ใช้ผนังอิฐโชว์แนวที่ช่วยระบายความร้อนได้ดี
- บ้านอิฐคอร์ทยาร์ดไทยประยุกต์ ออกแบบให้มีลานโล่งกลางบ้าน ล้อมรอบด้วยผนังอิฐ ช่วยสร้างการไหลเวียนของอากาศ เสริมด้วยสระน้ำขนาดเล็กเพื่อเพิ่มความเย็น
- บ้านอิฐชั้นเดียวใต้ถุนสูง ประยุกต์จากแนวคิดบ้านไทยโบราณ ยกพื้นสูงเพื่อหลีกเลี่ยงน้ำท่วมและเพิ่มการระบายอากาศ ใช้ผนังอิฐที่มีช่องลมช่วยระบายอากาศตลอดทั้งวัน
-
บ้านอิฐลอฟท์ทรอปิคอล เน้นพื้นที่เปิดโล่ง เพดานสูง ผนังอิฐโชว์แนวผสมกับกระจกบานใหญ่ที่เปิดได้ เพื่อรับลมธรรมชาติ | บ้านสไตล์ลอฟท์ (Loft Style) แท้จริงคืออะไร ?
เทคนิคการโชว์แนวอิฐในบ้านไทยร่วมสมัย
การโชว์แนวอิฐมักพบในการออกแบบบ้านไทยร่วมสมัย ด้วยเสน่ห์ของพื้นผิวและสีสันธรรมชาติของวัสดุ มีรูปแบบดังนี้
- ผนังอิฐโชว์แนวบางส่วน เลือกโชว์แนวอิฐเฉพาะบางผนัง เช่น ผนังห้องนั่งเล่น หัวเตียง หรือผนังทางเดิน สร้างจุดเด่นให้กับพื้นที่โดยไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด
- ผนังอิฐเว้นช่องลม ออกแบบผนังอิฐแบบมีช่องว่างเพื่อให้ลมพัดผ่านได้ เป็นทั้งการตกแต่งและช่วยระบายอากาศ เหมาะกับระเบียง ห้องนั่งเล่น หรือพื้นที่พักผ่อนกลางแจ้ง
- อิฐโชว์แนวทำสีขาว เทคนิคการทาสีขาวบนผนังอิฐโชว์แนว ทำให้บ้านดูสว่าง สะอาด แต่ยังคงความมีมิติและพื้นผิวที่สวยของอิฐ
-
อิฐโชว์แนวผสมไม้ไผ่ การผสมผสานอิฐโชว์แนวกับไม้ไผ่หรือวัสดุท้องถิ่นอื่น ๆ สร้างความเป็นไทยร่วมสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
รูปแบบการจัดวางอิฐที่เหมาะกับ บ้านอิฐ ในเมืองร้อน
การจัดวางอิฐมีผลต่อทั้งความสวยงามและประสิทธิภาพในการรับมือกับอากาศร้อนของไทย โดยมีรูปแบบการจัดเรียงดังนี้
- แบบเรียงสลับระบายอากาศ (Ventilated Running Bond) วางอิฐสลับแนวแต่เว้นช่องว่างบางส่วน เพื่อให้ลมพัดผ่านได้ แต่ยังคงความเป็นส่วนตัว
- แบบก้างปลาเปิดมุม (Open Herringbone Pattern) จัดวางอิฐในแนวทแยงมุม แล้วเว้นช่องว่างตามจุดต่าง ๆ สร้างลวดลายที่สวย และช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ดี
- แบบวงโค้งซ้อนชั้น (Layered Arch Pattern) ก่ออิฐเป็นวงโค้งซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ช่วยกระจายน้ำหนักและสร้างร่มเงา ลดความร้อนจากแสงแดดโดยตรง
-
แบบพิกเซล (Pixel Pattern) จัดวางอิฐให้ยื่นออกมาจากผนังที่ระยะต่างกัน สร้างเงากับมิติ ป้องกันความร้อนและสร้างความสวยให้กับผนัง
การผสมผสานวัสดุท้องถิ่นกับผนังอิฐ
การผสมผสานวัสดุท้องถิ่นของไทยกับผนังอิฐ ช่วยสร้างเอกลักษณ์และเพิ่มความเหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศ ได้แก่
- อิฐผสมไม้ไทย การใช้ไม้สัก ไม้แดง หรือไม้มะค่าร่วมกับผนังอิฐ สร้างความอบอุ่นและความเป็นไทย
- อิฐผสมงานจักสาน นำงานจักสานไม้ไผ่หรือหวายมาตกแต่งร่วมกับผนังอิฐ เพิ่มความเป็นธรรมชาติและช่วยกรองแสง
- อิฐผสมเซรามิก ใช้เซรามิกไทยหรือกระเบื้องลายไทยแทรกในผนังอิฐเพื่อสร้างจุดเด่นและเพิ่มความเป็นไทย
-
อิฐผสมปูนซีเมนต์ขัดมัน ผสมผสานผนังอิฐกับพื้นผิวปูนซีเมนต์ขัดมัน สร้างความทันสมัยและทนต่อความชื้นในเมืองร้อน
บ้านอิฐกับการประหยัดพลังงาน
บ้านอิฐสามารถออกแบบให้ช่วยลดการใช้พลังงานได้หลายวิธี ได้แก่
- การก่อผนังอิฐเป็นสองชั้นโดยมีช่องว่างระหว่างชั้น ช่วยเพิ่มความเป็นฉนวนและลดการถ่ายเทความร้อน
- ออกแบบหลังคาให้มีช่องระบายอากาศที่เหมาะสม ลดการสะสมความร้อนในบ้าน
- การออกแบบช่องแสงและช่องลมให้สัมพันธ์กับทิศทางลมและแสงธรรมชาติ ช่วยลดการใช้แสงไฟและเครื่องปรับอากาศค่ะ
- ปลูกต้นไม้เพื่อให้ร่มเงาแก่บ้าน โดยเฉพาะด้านที่รับแสงแดดจัด ช่วยลดความร้อนที่เข้าสู่ตัวบ้าน
-
ใช้อิฐมวลเบาในส่วนที่ต้องการความเย็น และใช้อิฐมอญในส่วนที่ต้องการความแข็งแรง
บ้านอิฐไม่ใช่แต่มีความแข็งแรงทนทาน แต่ยังสามารถออกแบบให้เข้ากับไลฟ์สไตล์สมัยใหม่และเหมาะกับสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยได้อย่างลงตัว การผสมผสานความเก่าแก่ของอิฐกับแนวคิดการออกแบบร่วมสมัย ช่วยสร้างบ้านที่มีเอกลักษณ์ สวย และน่าอยู่ค่ะ
ไอเดียห้องต่าง ๆ ใน บ้านอิฐแดง
แต่ละห้องในบ้านอิฐสามารถออกแบบให้ตอบสนองการใช้งานและสภาพอากาศได้ต่างกัน ได้แก่
- ห้องนั่งเล่นผนังอิฐเปิดโล่ง ออกแบบให้มีผนังอิฐด้านเดียวและเปิดโล่งด้านอื่นเพื่อรับลม เหมาะกับการพักผ่อนในช่วงเย็น
- ห้องนอนอิฐหนา ใช้อิฐมอญก่อผนังหนาหรือสองชั้น เพื่อเก็บเสียงและรักษาความเย็นในช่วงกลางคืน
- ห้องครัวไทยกับผนังอิฐโชว์แนว ผนังอิฐโชว์แนวในห้องครัวช่วยทนต่อความชื้นและความร้อนจากการปรุงอาหาร
-
ห้องน้ำกลางแจ้งกับกำแพงอิฐ สร้างพื้นที่อาบน้ำกึ่งกลางแจ้งที่มีความเป็นส่วนตัวด้วยผนังอิฐที่มีช่องลม
ขั้นตอนการก่อสร้าง บ้านอิฐมอญ ให้แข็งแรง
การก่อสร้างบ้านอิฐให้แข็งแรงและได้มาตรฐาน ต้องอาศัยความรู้และทักษะเฉพาะทาง โดยมีขั้นตอนการสร้างบ้านดังนี้
การเตรียมพื้นที่และวางรากฐานสำหรับโครงสร้างบ้านอิฐ
ก่อนเริ่มก่อสร้างบ้านอิฐ ต้องเตรียมพื้นที่และวางรากฐานให้แข็งแรง มีขั้นตอนดังนี้ค่ะ
- เช็คสภาพดินถม ระดับน้ำใต้ดิน และความลาดเอียงของพื้นที่
- การปรับพื้นที่ให้ถูกต้อง กำจัดเศษวัสดุและพืชพันธุ์
- กำหนดตำแหน่งของเสา ผนัง และส่วนประกอบต่าง ๆ ของบ้าน
- ขุดหลุมสำหรับฝังเสาเข็มหรือเทฐานราก
- เทคอนกรีตสำหรับคานคอดิน เพื่อรองรับน้ำหนักของโครงสร้างบ้าน
-
วางระบบท่อระบายน้ำ เพื่อป้องกันน้ำท่วมและความชื้น
เทคนิคการ ก่อผนังอิฐ ให้ได้มาตรฐานความปลอดภัย
ก่อนทำการก่อผนังอิฐทุกครั้ง ต้องนำอิฐแช่น้ำหรือรดน้ำให้อิฐดูดน้ำจนอิ่มตัว แล้วนำออกมาผึ่งให้หมาด ๆ ก่อนนำไปใช้ เพราะอิฐส่วนใหญ่มีรูพรุน อาจดูดซึมน้ำจากปูนก่อทำให้ปูนก่อแห้งเร็วและอาจแตกร้าวได้ค่ะ
ขั้นตอนการก่อผนังอิฐมอญให้ได้มาตรฐาน
- ทำความสะอาดพื้นที่ สกัดเสาหรือคาน ปัดเศษปูนและราดน้ำให้สะอาด
- ทำการแช่อิฐในน้ำ เพื่อให้อิฐอิ่มน้ำและเป็นการทำความสะอาดอิฐ
- เตรียมปูนก่อโดยส่วนผสมโดยปริมาตร ปูนซีเมนต์(ก่อ) ต่อ ทรายหยาบเท่ากับ 1:3-4 หรือใช้ปูนก่อสำเร็จรูปก็ได้
- หาแนวระยะและดิ่ง ของผนังตามแบบที่กำหนด
- ก่ออิฐแถวแรกโดยมีการขึงเอ็น เพื่อตรวจสอบแนวและระดับ
- ก่ออิฐในแนวสลับแถว เพื่อความแข็งแรงของผนัง
- ใช้เหล็กเสริม "หนวดกุ้ง" ในการยึดผนังอิฐกับเสาคอนกรีต | ประเภท เสา สำหรับสร้างบ้าน เลือกใช้อย่างไร ?
-
แนวขอบผนังที่ชิดกับเสา ต้องเสียบเหล็ก "หนวดกุ้ง" ขนาด 6 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 50 เซนติเมตร จากเสาทุกระยะห่างประมาณ 4050 เซนติเมตร
เทคนิคพิเศษในการก่ออิฐให้แข็งแรง
- ใช้แนวปูนก่อหนาสม่ำเสมอประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร
- ตรวจสอบแนวดิ่งและแนวระดับเป็นระยะ
- ถ้าก่อผนังสูง ควรแบ่งการก่อเป็นช่วง ๆ เพื่อให้ปูนก่อแข็งตัวก่อน
- ใช้อิฐที่มีคุณภาพดี ไม่แตกร้าวหรือบิ่น
การติดตั้งระบบสาธารณูปโภคในผนังบ้านอิฐ
การติดตั้งระบบสาธารณูปโภค เช่น ระบบไฟฟ้า ประปา และสื่อสาร ในผนังอิฐมีขั้นตอนดังนี้
- กำหนดตำแหน่งของท่อ สายไฟ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ก่อนเริ่มการก่อสร้าง
- การเจาะช่องในผนังอิฐสำหรับวางท่อและสายไฟ โดยใช้เครื่องมือที่เหมาะสม
- ติดตั้งท่อร้อยสายไฟในผนัง โดยยึดให้แน่นเพื่อป้องกันการเคลื่อนที่
- วางท่อน้ำดีและท่อน้ำทิ้งในตำแหน่งที่กำหนด
- ติดตั้งกล่องสวิตช์และเต้ารับไฟฟ้าในตำแหน่งที่เหมาะสม
-
ร้อยสายไฟผ่านท่อร้อยสายไฟที่ติดตั้งไว้
ข้อควรระวัง
- ระมัดระวังไม่ให้ท่อและสายไฟถูกกระแทก หรือเสียหายระหว่างการฉาบปูน
- ควรทดสอบระบบไฟฟ้าและประปาก่อนการฉาบปูน
-
การเดินท่อและสายไฟ ควรทำตามมาตรฐานความปลอดภัยกับข้อกำหนดของการไฟฟ้าและประปา
ขั้นตอนการฉาบปูนและการตกแต่งผิวผนังบ้านอิฐ
หลังจากก่อผนังอิฐและติดตั้งระบบสาธารณูปโภคเรียบร้อยแล้ว เข้าสู่ขั้นตอนการฉาบปูนกับการตกแต่งผิวผนัง มีดังนี้
- ทำความสะอาดผนังอิฐ กำจัดฝุ่นและเศษปูน และราดน้ำให้ผนังชุ่ม
- ติดตั้งเอ็นฉาบตามแนวตั้งและแนวนอนเพื่อควบคุมความหนาของปูนฉาบ
- การฉาบรองพื้น ฉาบปูนชั้นแรกให้ทั่วผนัง และปาดให้เรียบ
- การฉาบตกแต่ง ฉาบปูนชั้นที่สองเพื่อความเรียบเนียนของผิวผนัง
- ขัดผิวผนังให้เรียบด้วยกระดาษทราย
-
ทาสีหรือตกแต่งผิวผนังตามความต้องการ
เพื่อเพิ่มความแข็งแรงทนทานให้ผนังบ้านอิฐ การเสริมด้วยน้ำยาผสมปูนฉาบกับปูนก่อจะช่วยเพิ่มการยึดเกาะ ทำให้เนื้อปูนฉาบลื่นและทำงานสะดวกขึ้น
สำหรับขั้นตอนการตกแต่งผิวผนังให้เรียบเนียน โดยเฉพาะงานฉาบบาง การเลือกใช้ซีเมนต์แต่งผิวชนิดเนื้อละเอียดจะช่วยเก็บงานผิวให้เรียบสนิท พื้นผิวลักษณะนี้สามารถปล่อยเปลือยโชว์ลาย หรือทาสีทับ และยังช่วยลดปริมาณการใช้สีลงได้อีกด้วยค่ะ
การดูแลรักษาผนังและโครงสร้าง บ้านอิฐ ในระยะยาว
การดูแลรักษาบ้านอิฐอย่างถูกวิธีจะช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาความสวยของบ้าน โดยมีวิธีการดูแลดังนี้ค่ะ
- หมั่นตรวจสอบผนังอิฐเพื่อหารอยแตกร้าว โดยเฉพาะหลังฤดูฝนหรือช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิมาก
- ซ่อมแซมรอยแตกร้าวทันทีที่พบ โดยใช้ปูนฉาบซ่อมแซม
- ป้องกันความชื้นในผนังอิฐโดยการทาสีกันน้ำหรือสารเคลือบกันน้ำ
- ทำความสะอาดผนังอิฐเป็นประจำ โดยใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ถูกต้อง
- ทาสีผนังอิฐใหม่ทุก 5-7 ปี เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพและรักษาความสวย
- ใช้สารป้องกันปลวกและแมลง เพื่อป้องกันความเสียหายต่อโครงสร้างไม้ในบ้าน
-
รักษาการระบายอากาศที่ดีในบ้าน เพื่อลดความชื้นและป้องกันเชื้อรา
สำหรับบ้านอิฐมอญ ควรระวังเรื่องความชื้นเป็นพิเศษค่ะ เพราะอิฐมอญสามารถดูดซับความชื้นได้ดี ส่วนบ้านอิฐมวลเบาต้องระวังการกระแทกหรือเจาะผนัง เพราะอิฐมวลเบามีความเปราะกว่าอิฐมอญ
ปัญหาที่พบบ่อยในบ้านอิฐและวิธีแก้ไข
- รอยแตกร้าว ตรวจสอบสาเหตุ ถ้าเกิดจากการทรุดตัวของดินควรขอคำแนะนำจากผู้รู้ ถ้าเป็นรอยร้าวเล็กน้อยสามารถซ่อมแซมด้วยปูนฉาบ
- ความชื้นและเชื้อรา ปรับปรุงการระบายอากาศ ใช้สารกำจัดเชื้อรา และแก้ไขปัญหาการรั่วซึมของน้ำ
-
อิฐเสื่อมสภาพ เปลี่ยนอิฐที่เสื่อมสภาพและเสริมความแข็งแรงของโครงสร้าง
สรุป
บ้านอิฐ สำหรับประเทศไทยต้องสามารถรับมือกับสภาพอากาศร้อนชื้นได้ การออกแบบในสไตล์ร่วมสมัย ช่วยผสมผสานความทันสมัยเข้ากับภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยที่เย็นสบายและมีเอกลักษณ์ ควรเลือกเทคนิคการก่อกับประเภทอิฐให้เหมาะกับการใช้งาน เพราะอิฐแต่ละชนิดมีคุณสมบัติต่างกัน ได้แก่
- อิฐมอญ ให้ความแข็งแรงสูงและมีเสน่ห์ตามธรรมชาติ เหมาะกับผนังที่ต้องการโชว์พื้นผิว
- อิฐบล็อก ช่วยลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง
-
อิฐมวลเบา ช่วยป้องกันความร้อน ทำให้บ้านเย็นสบายและลดภาระของเครื่องปรับอากาศ
การก่อสร้างที่ได้มาตรฐานและการดูแลรักษาที่ถูกวิธี คือหัวใจที่ทำให้บ้านอิฐมีความแข็งแรง ทนทาน คงความสวยไว้ได้นานค่ะ