แชร์

ตกแต่ง ห้องพระ อย่างไร ? ให้เหมาะสม | เลือกวัสดุเพื่อสร้างบรรยากาศ

อัพเดทล่าสุด: 9 ก.ค. 2025
53 ผู้เข้าชม

S.J.Building สรุปให้

  • ห้องพระ ควรอยู่ตำแหน่งที่สูงสุดของบ้าน เป็นมุมที่สงบ ไม่พลุกพล่าน ไม่ควรติดกับห้องน้ำหรือห้องครัว

  • ทิศทางที่เหมาะสม คือทิศตะวันออกหรือทิศเหนือ ช่วยส่งเสริมเรื่องการงานและสติปัญญา

  • วัสดุปูพื้น ควรเลือกวัสดุที่เรียบร้อย สะอาด ไม่ลื่น เช่น ไม้จริง ลามิเนต หรือกระเบื้อง

  • โทนสีผนัง ควรใช้สีอ่อน สบายตา เช่น สีขาว สีครีม หรือสีธรรมชาติ เพื่อสร้างบรรยากาศสงบ

  • การจัดแสงสว่าง ควรมีทั้งแสงธรรมชาติและแสงไฟที่พอเหมาะ ไม่สว่างจ้าหรือมืดเกินไป

  • ประตูกับหน้าต่าง ควรออกแบบให้มีการถ่ายเทอากาศที่ดี เพื่อระบายควันธูปและกลิ่นต่าง ๆ


ห้องพระ คือศูนย์รวมจิตใจกับศรัทธาของครอบครัวชาวพุทธ การตกแต่งพื้นที่นี้ให้ถูกหลักตามความเชื่อนั้น ช่วยส่งเสริมสิริมงคลให้แก่ผู้อยู่อาศัย พร้อมสร้างบรรยากาศที่สงบ เหมาะแก่การสักการะบูชาและการทำสมาธิ

บทความนี้ S.J.Building ขอแนะนำหลักการจัดห้องพระ การเลือกตำแหน่ง การเลือกใช้วัสดุตกแต่งต่าง ๆ เพื่อสร้างบรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ์และสงบร่มเย็นให้กับบ้านค่ะ | สร้างบ้าน เลือกแบบไหนดี ? ระหว่าง บริษัทรับก่อสร้าง กับ ผู้รับเหมาอิสระ

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

หลักการจัด ห้องพระ สำหรับบ้านและคอนโด

หลักการจัด ห้องพระ ในบ้านหรือคอนโดให้ลงตัวทั้งในแง่ความเชื่อและการใช้งานจริง เพื่อให้เป็นพื้นที่อบอุ่นที่สามารถใช้เจริญสติภาวนากับพักผ่อนจิตใจได้เสมอ ไม่ใช่แค่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีคนมาใช้งานบ่อย ๆ มีวิธีการจัดดังนี้

  1. ตำแหน่งที่สูงที่สุดของบ้าน ตามความเชื่อของชาวพุทธ พระพุทธรูปเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้ากับพระอริยสงฆ์ ควรประดิษฐานไว้ที่ชั้นบนสุดของบ้าน เพื่อป้องกันการเดินข้ามหรือเหยียบโดยไม่ตั้งใจ
  2. หลีกเลี่ยงพื้นที่ต้องห้าม ห้องพระห้ามติดกับห้องน้ำ เพราะในหลักฮวงจุ้ย ห้องน้ำถือเป็นธาตุน้ำ ในขณะที่ห้องปฏิบัติธรรมมถือเป็นธาตุไฟ เพราะน้ำจะบั่นทอนไฟ ทำให้ความศักดิ์สิทธิ์เสื่อมลง
  3. ไม่ควรอยู่ใกล้เตียงนอน ตำแหน่งที่ปลายเท้าของเตียงนอนไม่ควรวางหันไปทางห้องพระ เพราะถือว่าไม่เคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ถ้าจำเป็นต้องวางในห้องนอน ควรจัดวางให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
  4. ความสะอาดและความเป็นระเบียบ มีการดูแลทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เช่น ปัดฝุ่น เปลี่ยนดอกไม้ธูปเทียน
  5. ความสงบ ควรอยู่ในตำแหน่งที่สงบ ไม่มีเสียงรบกวน ไม่ควรตั้งอยู่บริเวณประตูเข้า-ออก ที่เป็นจุดที่มีคนเดินผ่านไปมาตลอดเวลา
  6. การถ่ายเทอากาศ ห้องพระจำเป็นต้องมีช่องแสงหรือหน้าต่าง เพื่อเปิดรับแสงกับอากาศ ช่วยให้บรรยากาศโปร่ง ไม่อับชื้น และช่วยระบายควันธูปเทียน
  7. การตกแต่งที่เรียบง่าย การตกแต่งพื้นที่ควรเรียบง่าย ไม่รกรุงรัง เน้นความสงบและศักดิ์สิทธิ์ โดยสามารถเลือกสไตล์การตกแต่งที่เข้ากับบ้านได้ ไม่ว่าจะเป็นแบบดั้งเดิมหรือร่วมสมัย
  8. พื้นที่ใช้สอย ออกแบบให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการกราบไหว้บูชา นั่งสมาธิ และจัดวางอุปกรณ์ในการสักการะบูชา

สำหรับคอนโดที่มีพื้นที่จำกัด สามารถจัดมุมหิ้งพระขนาดกะทัดรัดได้ โดยอาจทำเป็นชั้นลอยหรือชั้นวางแบบติดผนังที่สวยงาม ถ้ามีพื้นที่จำกัด แนะนำให้จัดหิ้งพระบริเวณโถงกลางบ้าน ที่ทุกคนสามารถมองเห็นและเข้าถึงได้ง่ายค่ะ

ข้อกำหนดสำหรับตำแหน่งห้องพระในบ้านสองชั้น

สำหรับบ้านสองชั้น มีข้อกำหนดเพิ่มเติมในการจัดวางตำแหน่งห้องพระดังนี้ค่ะ

  1. ควรอยู่ชั้นบนสุดของบ้าน เพราะพระถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าไว้ต่ำกว่าชั้นอยู่อาศัย อาจมีการเดินข้ามโดยไม่รู้ตัว
  2. ไม่ควรอยู่เหนือช่องบันไดหรือช่องโล่ง เพราะอาจทำให้พลังงานไม่มั่นคง สัมพันธ์กับตำแหน่งของบันไดบ้านที่ถูกต้องด้วย
  3. ไม่ควรอยู่ใต้ห้องน้ำชั้นบน เพราะในความเชื่อถือว่าจะทำให้ความศักดิ์สิทธิ์เสื่อม
  4. ควรอยู่ห่างจากพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งปฏิกูลหรือขยะ
  5. สามารถจัดตำแหน่งห้องพระบริเวณชั้นลอยหรือบริเวณโถงบันไดได้ | ลักษณะบ้านตามหลัก ฮวงจุ้ยที่ดี มีอะไรบ้าง ?

 

การเลือกใช้วัสดุและองค์ประกอบตกแต่ง ห้องพระ เพื่อสร้างบรรยากาศ

การเลือกวัสดุก่อสร้างกับองค์ประกอบในการตกแต่งห้องพระ มีผลต่อการสร้างบรรยากาศที่เหมาะสม ต้องพิจารณาทั้งความสวยงาม ความสงบ และความศักดิ์สิทธิ์ค่ะ

การเลือกวัสดุปูพื้นสำหรับห้องพระ

การเลือกวัสดุปูพื้นสำหรับห้องปฏิบัติธรรม ควรคำนึงถึงความสะอาด ความสวยงาม ความทนทาน และการดูแลรักษา โดยมีทางเลือกหลากหลายตามความต้องการกับงบที่มี ได้แก่

ประเภทวัสดุ ข้อดี ข้อควรพิจารณา เหมาะกับห้องพระ
พื้นไม้จริง
  • มีความสวยงามและคงทน
  • มีเอกลักษณ์ลายไม้ธรรมชาติ
  • ให้ความรู้สึกอบอุ่นเมื่อสัมผัส
  • ราคาค่อนข้างสูง
  • ต้องดูแลมาก
  • อาจมีปัญหาเรื่องความชื้น
สไตล์ดั้งเดิม ที่ต้องการความอบอุ่นและความเป็นธรรมชาติ
พื้นไม้ลามิเนต
  • ราคาถูกกว่าไม้จริง
  • ดูแลรักษาง่าย
  • ติดตั้งรวดเร็ว
  • ไม่ทนน้ำเท่าวัสดุอื่น
  • อายุการใช้งานสั้นกว่าไม้จริง
สไตล์ร่วมสมัยที่มีงบจำกัด
กระเบื้อง
  • ทนทานมาก
  • ทำความสะอาดง่าย
  • กันน้ำได้ดี
  • มีความแข็งกระด้าง
  • เสียงดังเมื่อเดิน
  • เย็นเมื่อสัมผัส
ห้องทั่วไป หรือในเขตร้อน ที่ต้องการความเย็น
กระเบื้องยางลายไม้
  • ราคาไม่แพง
  • ติดตั้งง่าย
  • ทนน้ำดี
  • เสียงเบาเมื่อเดิน
  • อายุการใช้งานปานกลาง
  • อาจยุบตัวเมื่อโดนของหนัก
ห้องพระสมัยใหม่ หรือในคอนโด ที่ต้องการความเงียบสงบ
พื้นหินขัด
  • แข็งแรงทนทานมาก
  • อายุการใช้งานยาวนาน
  • ให้ความหรูหรา
  • ราคาสูง
  • ติดตั้งยุ่งยาก
  • ให้ความรู้สึกแข็งและเย็น
พื้นที่ขนาดใหญ่ หรือบ้านที่ตกแต่งในสไตล์ไทยประยุกต์

ข้อแนะนำในการเลือกวัสดุปูพื้นห้องพระ

การเลือกวัสดุปูพื้นสำหรับห้องพระ มีปัจจัยที่ควรพิจารณาดังนี้

  • พิจารณาว่ามีการใช้งานพื้นที่บ่อยแค่ไหน มีการจุดธูปเทียนที่อาจหล่นลงพื้นหรือไม่
  • เลือกวัสดุที่เข้ากับสไตล์การตกแต่งโดยรวมของบ้าน
  • ควรสะอาดอยู่เสมอ จึงควรเลือกวัสดุที่ดูแลรักษาง่าย
  • พิจารณาราคาและความคุ้มค่าในระยะยาว

วัสดุปูพื้นที่เหมาะสมจะช่วยเสริมบรรยากาศความศักดิ์สิทธิ์และความสงบให้กับห้องพระ ทำให้เป็นพื้นที่ที่น่าเข้าไปใช้งานสักการะบูชากับการปฏิบัติธรรมค่ะ

โทนสีของผนังและเพดาน ห้องพระ ช่วยสร้างความสงบ

การเลือกโทนสีที่เหมาะกับห้องพระ ช่วยสร้างความสงบและความศักดิ์สิทธิ์ได้ ดังนี้

  1. โทนสีขาว หรือสีอ่อน สีขาว สีครีม หรือสีเบจอ่อน ช่วยให้ห้องดูสะอาด สว่าง และกว้างขวาง เหมาะกับห้องพระที่มีขนาดเล็ก
  2. โทนสีธรรมชาติ สีน้ำตาลอ่อน สีไม้ หรือสีเอิร์ททโทน ให้ความรู้สึกอบอุ่น เป็นธรรมชาติ และสงบนิ่ง
  3. สีสำหรับเพดาน ควรเลือกสีอ่อนหรือสีขาว เพื่อสะท้อนแสงและทำให้ห้องดูสว่าง โปร่ง ไม่อึดอัด
  4. การใช้วัสดุผนังพิเศษ เช่น สมาร์ทบอร์ด หรือไม้ฝา สามารถสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะรุ่นที่มีลายเสี้ยนไม้ที่ชัดเจน
  5. สีตามหลักฮวงจุ้ย ห้องพระถือเป็นธาตุไฟ ควรเลือกใช้สีธาตุดินในการตกแต่ง เพื่อลดทอนความร้อนแรงและสร้างความสมดุล

นอกจากนี้ ยังสามารถเพิ่มความสวยงามด้วยการตกแต่งผนังพิเศษ เช่น การใช้วอลเปเปอร์ลายเรียบหรือลายไทย การติดภาพพระพุทธรูปหรือภาพมงคล หรือการตกแต่งด้วยลวดลายปิดทองคำเปลวค่ะ

รูปแบบประตูและหน้าต่าง ห้องพระ ส่งเสริมการถ่ายเทอากาศ

ประตูกับหน้าต่างในห้องพระมีความสำคัญทั้งในการถ่ายเทอากาศและการสร้างบรรยากาศ แนวทางในการออกแบบมีดังนี้

  1. การถ่ายเทอากาศที่ดี จำเป็นต้องมีช่องแสงหรือหน้าต่างเพื่อเปิดรับลมกับอากาศ ช่วยระบายควันธูปเทียน ลดความอับชื้น และลดความเสี่ยงจากอัคคีภัย
  2. ควรออกแบบประตูกับหน้าต่างให้มีขนาดพอเหมาะ ไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป และควรเปิดได้สะดวก
  3. ควรเลือกใช้วัสดุคุณภาพดี เช่น ไม้ หรืออลูมิเนียมที่แข็งแรงทนทาน
  4. แนะนำผ้าม่านโปร่งบางช่วยกรองแสงแดดและให้ความเป็นส่วนตัว แต่ยังคงให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาได้
  5. ถ้าผนังหลังหิ้งพระจำเป็นต้องติดกับหน้าต่าง อาจออกแบบผนังบานเลื่อนที่สามารถเปิดปิดได้ เพื่อรับแสงและระบายอากาศเมื่อต้องการ

ในกรณีที่ห้องพระไม่สามารถมีหน้าต่างได้ ควรติดตั้งพัดลมดูดอากาศหรือระบบระบายอากาศที่มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยถ่ายเทอากาศและระบายควันธูปเทียนค่ะ

ระบบแสงสว่างที่พอเหมาะสำหรับพื้นที่สักการะ

แสงสว่างคือองค์ประกอบที่ช่วยสร้างบรรยากาศในห้องพระ ควรออกแบบให้มีทั้งแสงธรรมชาติกับแสงไฟให้เหมาะสม ดังนี้

  1. แสงธรรมชาติ ควรจัดให้มีแสงแดดเข้าถึงห้องพระได้ เพื่อให้บรรยากาศสว่าง โปร่ง และช่วยลดการใช้พลังงานในเวลากลางวัน
  2. แสงไฟหลัก ควรมีแสงไฟที่ให้ความสว่างทั่วทั้งห้อง โดยเลือกใช้หลอดไฟที่ให้แสงนุ่มนวล ไม่จ้าเกินไป
  3. แสงเฉพาะจุด ควรใช้แสงไฟที่มีความนุ่มนวลกับอบอุ่น เช่น หลอดไฟสีเหลืองอ่อนหรือแสงวอร์มโทน เพื่อสร้างบรรยากาศที่สงบและเป็นมงคล
  4. ไฟส่องเน้นองค์พระ การติดตั้งไฟดาวน์ไลท์เฉพาะจุดส่องสว่างเหนือองค์พระประธาน ช่วยให้บรรยากาศดูเรืองรองน่าเลื่อมใส
  5. ไฟซ่อน การใช้ไฟเส้นซ่อนตามผนังหรือฝ้าเพดาน ช่วยสร้างบรรยากาศที่นุ่มนวลและมีมิติ
  6. สวิตช์หรี่แสง การติดตั้งสวิตช์เพื่อหรี่แสง ช่วยให้สามารถปรับระดับความสว่างได้ตามความต้องการและกิจกรรม

ข้อควรระวัง

  • ไม่ควรใช้แสงไฟที่สว่างจ้าหรือกระพริบ เพราะจะทำให้รู้สึกรบกวนสมาธิ
  • หลีกเลี่ยงการติดตั้งไฟที่ให้ความร้อนสูงใกล้กับวัสดุที่ติดไฟง่าย เช่น ผ้า หรือไม้
  • สำหรับผู้ที่แพ้ควันธูปหรือเทียน อาจพิจารณาใช้เทียนไฟฟ้า LED แทน ที่ให้แสงสว่างคล้ายเทียนจริงแต่ไม่มีควัน

 

ข้อปฏิบัติเพื่อเสริมสิริมงคลและความเป็นระเบียบของห้องพระ

  1. อย่าปล่อยหิ้งพระและตำแหน่งที่วางสกปรก ควรหมั่นทำความสะอาด ปัดฝุ่น เปลี่ยนดอกไม้กับน้ำอย่างสม่ำเสมอ
  2. ควรมีพื้นที่จัดเก็บอุปกรณ์การสักการะ เช่น ธูป เทียน สายสิญจน์ หนังสือสวดมนต์ให้เป็นระเบียบ
  3. ไม่ควรวางสิ่งของที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสักการะบูชาในห้องพระ
  4. ควรจัดวางพระพุทธรูปในตำแหน่งสูงสุด ตามด้วยพระอรหันต์ในลำดับรองลงมา
  5. อาจใช้เทียนหอมหรือน้ำมันหอมที่มีกลิ่นอ่อน ๆ เพื่อสร้างบรรยากาศที่สงบและผ่อนคลาย
  6. ควรเลือกดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ แล้วเปลี่ยนเมื่อดอกเริ่มเหี่ยว
  7. บริเวณที่ตั้งห้องพระต้องไม่มีกองขยะหรือสิ่งอัปมงคลอยู่ใกล้ ๆ เพราะจะบอกถึงความไม่เคารพและอาจเพิ่มพลังงานไม่ดีเข้ามาสู่บ้าน
  8. การเลือกใช้สิ่งตกแต่งที่มีความหมายดี เช่น ภาพต้นโพธิ์ทอง ที่เป็นสัญลักษณ์ของความร่มเย็น

 

สรุป

ห้องพระ คือพื้นที่แห่งศรัทธากับจุดยึดเหนี่ยวจิตใจภายในบ้าน การจัดวางที่ถูกหลักจะนำมาซึ่งสิริมงคลและความสงบสุขแก่ผู้อยู่อาศัย

ตำแหน่งของห้องควรอยู่จุดสูงสุดและสงบของบ้าน หันสู่ทิศตะวันออกหรือทิศเหนือ เลี่ยงการติดกับห้องน้ำกับห้องครัว ส่วนการตกแต่งให้เลือกใช้วัสดุกับโทนสีที่ดูสบายตา พร้อมจัดให้มีอากาศถ่ายเทและแสงสว่างเพียงพอ

ท้ายที่สุด การหมั่นดูแลความสะอาดกับความเป็นระเบียบสม่ำเสมอ ช่วยเสริมบรรยากาศความศักดิ์สิทธิ์และสงบร่มเย็น ทำให้ห้องพระที่บ้านกลายเป็นศูนย์รวมจิตใจของทุกคนในครอบครัวค่ะ


บทความที่เกี่ยวข้อง
กู้เงินรีโนเวทบ้าน/ซ่อมแซมบ้าน จากธนาคารปี 2567
เรียนรู้ขั้นตอน กู้เงินรีโนเวทบ้าน ตั้งแต่การเตรียมตัวก่อนขอสินเชื่อกับธนาคาร พร้อมแนะนำเงื่อนไขกับข้อระวังหากจะขอสินเชื่อรีโนเวท/ซ่อมแซม หรือต่อเติมบ้าน
27 ม.ค. 2024
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy